สำหรับอาทิตย์นี้มีการอัพเดตไวกว่าปรกติ จึงอาจทำให้เกิดคำถามว่า “ทีมงานจะรีบไปเที่ยวที่ไหนหรือไง” เอ๊ย… ไม่สิ ต้องเป็นว่า “แพทนี้จะมีอะไรให้ร้องว้าวบ้าง?”
.
อย่างแรกสุดเลยครับ เรื่องใหญ่ประจำสัปดาห์ ถึงไม่มีตัวละครใหม่ให้เชยชม แต่ว่าตัวละครเก่าก็มีการปรับปรุงแก้ไขให้ความสามารถสูงขึ้น… ซึ่งอันที่จริงผมก็ชอบแบบนี้นะ เพราะ… ประหยัดรูบี้ดี ไม่ต้องมานั่งเปิดหาตัวใหม่รัว ๆ อย่างบ้าคลั่งครับ (อยู่ดี ๆ ทีมก็ยกระดับตัวเองไม่ชอบได้ไงล่ะ…!)
สำหรับคารอน… มีการเปลี่ยนแปลงสกิลตั้งแต่หัวจรดเท้า ตั้งแต่สกิลติดตัวยันฮีล เรียกได้ว่าโมใหม่จนไม่เหลือเค้าโครงนักฮีลอ่อน ๆ ที่มายืนเป็นยันต์กันมึนแบบเมื่อก่อนอีกต่อไป
สกิลติดตัว : Protection Of Nature
.
ยังคงกันมึน 6 เทิร์นซึ่งมากที่สุดในเกมแล้ว แถมด้วยความสามารถในการเอาชีวิตรอด “ฮีลตัวเองด้วยความแรงเวท 100% หากพลังชีวิตลดต่ำกว่า 30% ได้หนึ่งครั้ง”
ดูผิวเผินเหมือนไม่ช่วยอะไรมากนัก แต่ว่าต้องไม่ลืมว่างานหลักของคารอนคือลงไปช่วยทีมตีมังกรครับ ด้วยความสามารถนี้ทำให้ตัวคารอนเองไม่เสียเทิร์นไปเปล่า ๆ กับการฮีลตนเอง แต่จะใช้เทิร์นไปฮีลพรรคพวกที่มีความสำคัญในการทำดาเมจสูงกว่า ดังนั้นถึงเป็นเพียงจุดเล็ก ๆ ส่วนตัวผู้เขียนรู้สึกว่า “คลิก” นะ… คืออารมณ์ประมาณว่าก็ปรับได้ตรงจุดใช้ได้เลย
สกิล Active 1 : Nature’s Breath
เพิ่มความสามารถในการฮีล จากฮีลครั้งเดียวแล้วจบไป กลายเป็นฮีลสองเทิร์น ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้คารอนพัฒนาความสามารถของตนเองขึ้นมาทัดเทียมตัวฮีลชั้นนำอื่น ๆ ได้
สกิล Active 2 : Healing Nature
เป็นการฮีลแล้วแถมโล่ป้องกันดาเมจ 1 ครั้ง… อันที่จริงสกิลนี้นับว่าฮีลแรงมากอยู่แล้ว ดังนั้นใครได้รับฮีลไป… มันไม่ตายหรอกครับ คนอื่นที่ไม่โดนฮีลต่างหากที่อาจดับ ดังนั้นการกางโล่ให้จึงดูไม่ค่อยมีประโยชน์มากนัก แต่ผู้เขียนมองว่า… มีก็ดีกว่าไม่มีล่ะนะ ยังไงก็ดีกว่าของเก่า!
สรุปคารอนรีเมค : มีประโยชน์สุด ๆ รู้สึกดีขึ้นมากที่มีคารอนในทีมครับ ค่อยมีความรู้สึกอยากจะปั้นให้เลเวล 40 หน่อย (ที่ผ่านมาจับกินหมด มันเลยเลเวลต่ำเตี้ยอย่างที่เห็นครับ 555)
มาถึงคราวเอสปาดา… ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่าจุดอ่อนเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเอสปาดาได้หายไปแล้วจากการอัพเดตในครั้งนี้
.
สกิลติดตัว : Magic Neutralizer
ลดดาเมจจากการโจมตีเวทมนตร์ให้กับทั้งทีม 50% และเพิ่มความสามารถ “บล็อคการโจมตีทุกอย่าง” เหมือนกับสไปค์… โซล… รูดี้ ซึ่งด้วยความสามารถนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เอสปาดา คงเป็นตัวละครหนึ่งซึ่งยืนเผชิญหน้ามังกรได้จนถึงช่วงเวลาสุดท้ายของทีม ไม่ได้อ่อนปวกเปียกอย่างเคยอีกต่อไป
.
สกิล Active 1 : God’s Judgement
เพิ่มความแรงสกิลเป็น 400%
.
สกิล Active 2 : Purge
ความแรง 250% ไม่คิดพลังป้องกันศัตรู และมีโอกาสติดสถานะเดธ (มังกรกันสถานะทุกชนิด ดังนั้นหากติดเดธจึงเพิ่มความแรงอีก 100%!)
.
สรุปเอสปาดารีเมค : ทรงคุณค่า โดยพื้นฐานนั้นหน้าที่หลักของเอสปาดาคือการยืนเฉย ๆ ให้ได้นานที่สุดในการตีมังกร นาน ๆ ครั้งผู้เล่นจึงจะมีโอกาสกดสกิลให้เจ๊แกสักครั้งหนึ่ง (หากทีมมังกรใช้แจมและจูพี้) ดังนั้นเรื่องความแรงสกิลจึงไม่ใช่ประเด็นใหญ่แต่แรก ถึงความแรงจะต่ำเตี้ยเรี่ยดินอย่างที่ผ่าน ๆ มาก็ไม่เคยเป็นปัญหากับผมนะ และด้วยการรีเมคครั้งนี้ เอสปาดาถึกขึ้น เพิ่มความแรงสกิลขึ้น ผมจึงมองว่าเป็นหนึ่งในตัวละครที่ครบเครื่องในหน้าที่การงานของตนเองทีเดียวเชียวล่ะ!
.
นอกจากตัวละครรีเมคแล้วยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องยกขึ้นมาเขียน นั่นคือดันเจี้ยนประจำวันสุดโหดที่เพิ่งเข้ามาใหม่นั่นเองครับ ซึ่งดันนี้… ไม่ใช่อะไรที่ต้องร้องว้าวหรอกครับ แต่น่าจะเป็นการร้องโวยวายสาปส่งให้กับความยกของมันมากกว่า (ฮา)
เมื่อจากอาทิตย์ก่อนเราได้เผชิญหน้ากับทีมมังกรจากนรก… มาคราวนี้ไม่ผิดหวังเลยจริง ๆ กับทีมอารีน่าจากนรก ใครลองแล้วคงรู้ซึ้งถึงความเลวร้ายที่ต้องสังเวยกุญแจไปคนละห้าดอก ส่วนใครที่ยังไม่ได้ลอง และกำลังหาแนวทางอยู่ ท่านมาถูกที่แล้วล่ะครับ ก่อนอื่นผมอยากจะบอกว่าทีมแลกชีวิตแบบอาทิตย์ก่อนคงไม่ผ่านกันแล้วล่ะ ต้องหันมาใช้ทีมดึงจังหวะมีความถึกบึกบึนบ้างถึงจะสามารถผ่านกันได้
ตามภาพนี้ผู้เขียนเข้ามาเป็นรอบที่ 2 ครับ แต่สังเกตอะไรไหม รูดี้มึนตั้งแต่เทิร์น 1 ทั้งที่เอาสไปค์เข้ามาด้วย ผมก็ไม่แน่ใจว่าเจ้าพวกนี้ใครคนไหนถือครองสกิลเร่งเทิร์นอยู่บ้าง แต่ว่าสไปค์ค่อนข้างไร้ค่าครับ 2 เทิร์นไม่พอหรอก พาคารอนเข้ามาจะดีกว่า (เป็นไงล่ะ รีเมคมาก็มีงานทำเลย)
ป.ล. บายจ้ากีพา โดนสวดส่งแต่หัววันเลย -_-
ที่ชนะนี่เพราะลิงเถอะพ่อดี้… พ่อยืนมึนตลอดงาน ไม่ได้ลูกลิงก็ตายไปแล้ว!
หากจะมีทีมแนะนำหลังจากไปลองตีมา 2 รอบ (ตายไปรอบ) คิดว่าทีมแบบด้านล่างนี้ น่าจะทำให้ชีวิตง่ายขึ้นมาก และเป็นตัวละครที่หาไม่ยากมากนักเช่นกัน โดย Passive Skills นั้นควรจัดให้มีความถึกไว้บ้าง เพราะหากทีมใครไม่ strong พอ ก็อาจลงไปนอนนับดาวกันได้ง่าย ๆ
1. ที่ขาดไม่ได้คือคารอน เพราะกันมึนถึง 6 เทิร์นด้วยกัน ซึ่งค่อนข้างจะเพียงพอในระดับหนึ่ง
2. รูดี้ เพราะเน้นความถึกเข้าสู้ จุดเด่นของศัตรูคราวนี้คืออภิมหาโล่ที่ไม่ยอมพังสักที โล่เราสู้ไม่ได้หรอก ถึกเถอะ!
3. นาจา เป็นตัวละครทางเลือก คือผมเห็นฝ่ายนู้นมันยิงเอา ๆ เลยเลือกนาจามากัดเกราะไปด้วย เกราะมันจะได้พังไวขึ้นหน่อยไม่ได้พึ่งแต่รูดี้โต้ตอบอย่างเดียวนั่นอง
4. เรเชล ดีบัฟของเรเชลสามารถใช้ในดันนี้ได้ และศัตรูมีแค่ 4 ตัวเท่านั้น นกไฟจึงกลืนกินศัตรูแทบทั้งหมดไปแล้วในคราวเดียว เท่านี้อันตรายก็หายไปจนเกือบหมดแล้ว
5. สุดท้ายลิงเราเลือกนาย… อันนี้เป็นตัวประกันสุขภาพครับ ข้อแรกเลยลิงมีการโจมตีที่ค่อนข้างกระจาย หลายครั้ง หลายฮิต จึงสามารถก่อกวนเกราะของอีกฝั่งได้เร็วกว่าใคร แถมถ้าตายกันขึ้นมาจริง ๆ ลูกลิงก็จะฟื้นขึ้นมาแทนที่อีกด้วย (บางคนอาจใช้เจฟ มาช่วยกันกัดเกราะของอีกฝั่งร่วมกับนาจาครับ ซึ่งมันก็น่าจะง่ายกว่านะ แต่ผมไม่มีเจฟนี่นา!)
.
สำหรับคนที่กำลังขาดตัวละครใดในสี่สหายนี้ก็นับเป็นโอกาสอันดีที่จะหามาครอบครอง ส่วนคนมีแล้วก็เล่นกันไปขำ ๆ นำไปผสมต่อยอดกันตามประสา แต่ผมว่านะ… คนที่ผ่านเจ้าดันนี้ในระดับ normal ได้ แทบทุกคนน่าจะมีเจ้าพวกนี้กันครบ ไม่ก็เกือบครบอยู่แล้วล่ะครับ… -_-
By..Tongfar