เมื่อพูดถึงค่าสเตตัสของแนวเกม MMORPG ในเกมสมัยนี้ต้องบอกเลยว่า ความอิสระหายลงไปเยอะมาก ไม่ว่าจะด้วยเรื่องของสเตตัสที่เพิ่มขึ้นเองจากระบบโดยที่ผู้เล่นไม่ได้เป็นคนเลือกอัพเอง แต่เกมสมัยก่อนไม่ใช่อย่างนั้นเพราะการอัพสเตตัสแบบคลาสสิกของสมัยเก่า จะได้พ้อยท์ตามมาที่หลังจากเลเวลอัพทุกครั้ง เพื่อไปเลือกและดีไซน์การอัพค่าสเตตัสเองตามใจชอบ พูดง่ายๆ คือ มีอิสระในการเลือกอัพและลูกเล่นที่มากกว่า
ค่าสเตตัส
สำหรับ Rohan Origin ค่าสเตตัสภายในเกมก็ถูกแบ่งแยกออกเป็น 6 สเตตัส ซึ่งแต่ละส่วนก็จะช่วยส่งเสริมค่าความสามารถให้แก่ตัวละครในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไปดังนี้
Strength : เพิ่มพลังโจมตีทางกายภาพให้แก่อาวุธระยะประชิด (Melee Atttack) และเพิ่มพลังป้องกันทางกายภาพ (Physcal Def.)
Vitality : เพิ่มพลังป้องกันทางกายภาพ (Physcal Def.) และค่าพลังชีวิต (Max HP) รวมถึงการฟื้นฟูพลังชีวิตด้วย (HP Recovery)
Inteligence : เพิ่มพลังโจมตีเวทมนตร์ (Magic Attack), ค่าความต้านทานเวทมนตร์ (Magic Def.) และค่าความต้านทานทั้งหมด (Resis Resis)
Dexterity : เพิ่มพลังโจมตีระยะไกล (Range Attack) และค่าความแม่นยำ (Accuracy)
Psyche : เพิ่มความต้านทานเวทมนตร์ (Magic Def.), เพิ่มค่าความต้านทานทั้งหมด (Resis Resis) และค่ามานา (Max MP) รวมถึงการฟื้นฟูมานาด้วย (MP Recovery)
Agility : เพิ่มค่าการหลบหลีก (Evasion)
การอัพค่าสเตตัสต้องเลือกให้ดีและเหมาะสมกับสายอาชีพ เพราะบางค่าสเตตัสแทบจะไม่มีผลกับบางสายอาชีพ ตัวอย่างเช่น STR และค่า AGI แทบจะไม่มีผลกับสายอาชีพนักเวทย์เลยนั่นเอง
และก่อนที่จะอัพสเตตัสใดๆ ให้คำนึงด้วยว่า เกม Rohan Origin นั้นเป็นระบบ Free PK หรือความหมายตรงๆ เลย คุณอาจจะเจอผู้เล่นจากไหนก็ไม่รู้มาปองร้ายคุณ ต้องการทำร้ายให้คุณถึงแก่ชีวิตได้ เพราะฉะนั้นคุณอาจจะต้องมีสเตตัสเพื่อการหลบหนีและเอาชีวิตรอดให้ได้ด้วยนะ
การอัพสกิล
เมื่อพูดถึงค่าสเตตัส สิ่งที่คู่กันคงจะหนีไม่พ้นสกิล เพราะการอัพเกรดแต่ละสกิลนั้น จะต้องดูด้วยว่าเราเน้นค่าสเตตัสไปในทิศทางของการเล่นแบบไหน เราก็ควรจะอัพสกิลไปในสายนั้นๆ เพราะสกิลกับสเตตัสคือค่ากำหนดสถานะ หรือตำแหน่งของเราว่าจะเล่นอยู่ตำแหน่งไหนของปาร์ตี้
รูปแบบของการอัพค่าสกิล
สำหรับค่าพ้อยท์นั้น จะได้ทุก 1 พ้อยท์ จากการอัพเลเวลตัวละคร และแบ่งแยกออกเป็น 3 สายในพื้นฐานของเผ่านั้นๆ อย่างเช่น เผ่า Elves ก็จะมีอาชีพหลัก คือ White Mage และเมื่อเลเวล 50 เราจะต้องเลือก 1 สาย ว่าเราจะเปลี่ยนเป็น Priest หรือ Templar
เมื่อเราเลือกสายอาชีพใดอาชีพหนึ่งแล้ว เราจะไม่สามารถไปอัพากิลของอีกสายได้ อย่างเช่น ถ้าเปลี่ยนเป็น Priest แล้ว เราจะไม่สามารถเรียนรู้สกิลของ Templar ได้ (แต่ยังเรียนรู้สกิลของ White Mage ได้อยู่ ) และสุดท้ายสิ่งที่สำคัญของสกิลอีกอย่างคือ ช่องสี่เหลี่ยมเล็ก ที่อยู่ข้างๆ แต่ละสกิล คือช่องที่ไว้ใส่หินเพื่ออัพเกรดสกิล อย่างเช่น ถ้าสกิลฮีลอยู่ที่เลเวล 3 ถ้าเราใส่หินอัพเกรดเข้าไป สกิลฮีลก็เพิ่มระดับขึ้นไปอีก
หินอัพเกรดมีอยู่ 2 ขั้น
–ขั้นแรก สามารถดร็อปได้จากมอนเตอร์
–ขั้นที่สอง สามารถหาได้จากเควสท์และไอเทมมอลล์
การเลือกอัพสกิลต้องเลือกให้ดีและเหมาะสมกับสายอาชีพ วิธีการอัพนั้นจะต้องดูเส้นทางของสกิลให้ดีๆ เพราะถ้าอัพผิดไปเราอาจจะเสียพ้อยท์ไปโดยเปล่าประโยนช์ และต้องดูให้ดีด้วยว่าสเตตัสของตัวละครที่คุณเล่นนั้นอัพไปในทิศทางไหน เราก็ควรจะเลือกอัพสกิลไปในสายนั้นเช่นกัน