วางจำหน่ายให้ได้เล่นกันมาซักพักแล้วสำหรับ The Last of Us Part II Remastered ในฉบับปรับปรุงและเพิ่มสิ่งใหม่ๆ เข้ามาเพื่อให้แฟนๆ ได้เล่นกันอีกครั้งบนเครื่อง PlayStation 5 หรือถ้าใครมีตัวเกมจากบน PlayStation 4 อยู่แล้วก็สามารถเพิ่มเงินอีกนิดเพื่ออัปเกรดตัวเกมได้เช่นกัน หลังจากที่เล่นไปพอสมควรแล้ววันนี้เราจะมารีวิวรายละเอียดพวกของใหม่ๆ กับความรู้สึกในการเล่นมาให้อ่านกันครับ
The Last of Us Part II Remastered มันคือตัวเกมในเวอร์ชั่นรีมาสเตอร์หรือได้รับการปรับปรุงเท่านั้น ไม่ใช่การหยิบมาทำใหม่หมดดังนั้นในส่วนของเนื้อหาแคมเปญหลักหรือรูปแบบการเล่นต่างๆ ยังคงเหมือนเดิมกับในเวอร์ชั่นออริจินัล ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องใดๆ ทีนี้เราจะไปดูสิ่งที่ได้รับการปรับปรุงหรือฟีเจอร์ต่างๆ ที่เพิ่มเติมเข้ามาใหม่กันครับ
กราฟิกที่ได้รับการปรับปรุง
ในส่วนของกราฟิกดูเหมือนจะเป็นที่ถกเถียงกันอย่างมาก ด้วยความที่ตัวเกมในเวอร์ชั่นออริจินัลเองก็มีความสวยงามของมันอยู่แล้ว พอเป็นเวอร์ชั่น Remastered หลังจากที่ได้เล่นไปแล้วพบว่าในส่วนของความคมชัดกับพวกเทกเจอร์นั้นดูดีขึ้นจริงๆ แสงเงากับเรื่อง HDR ก็ได้รับการปรับปรุงที่ดีขึ้น แต่ถ้าจะให้เทียบกันแล้วจริงๆ ให้ความรู้สึกที่ไม่แตกต่างกันมากนัก ทั้งนี้เรื่องของกราฟิกบน PS5 นี้ผู้เล่นจะสามารถเลือกปรับโหมดเน้นความคมชัด ที่จะให้ภาพ 4K แบบ Native โดยที่เฟรมเรตจะอยู่ที่ 30fps หรือจะเลือกเน้นประสิทธิภาพ ที่จะให้ภาพ 1440p จนถึง 4K แบบอัปสเกล โดยที่เฟรมเรตจะอยู่ที่ 60fps ส่วนตัวแนะนำเล่นแบบลื่นๆ กันดีกว่า แต่ก็อยู่ที่ความชอบของแต่ละคนครับ
โหมดเล่นกีตาร์อิสระ
สำหรับใครที่เคยเล่นเกมเวอร์ชั่นออริจินัลมาคงจะได้ลองสัมผัสกับมินิเกมที่ตัวละครของเราจะได้เล่นกีตาร์ซึ่งบอกเลยว่าเป็นระบบที่สมจริงมากๆ ทั้งในส่วนของการดีดและการจับคอร์ดต่างๆ จนในตอนนั้นมีคนถึงกับทำคลิปการเล่นในเพลงต่างๆ ออกมาเลยทีเดียว ซึ่งในเวอร์ชั่น Remastered ทีมพัฒนามีการจับมินิเกมตัวนี้แยกออกมาเป็นอีกโหมดให้เล่นกันไปเลย ให้เราสามารถที่จะเล่นกีตาร์ได้อิสระ โดยเลือกตัวละครได้ทั้งโจหรือเอลลี่ และยังรวมถึงคุณ Gustavo Santaolalla นักแต่งเพลงประกอบให้กับเกม The Last of Us ทั้งสองภาคมาให้เลือกใช้งานด้วย นอกจากนี้ยังมีการปลดล็อคสกินกีตาร์ การเลือกฉากหลังและการปรับภาพต่างๆ ให้ใช้งานกันแบบเต็มที่ ซึ่งบอกก่อนเลยว่าโหมดนี้เหมาะกับคนที่รู้คอร์ดหรือเล่นกีตาร์เป็นในระดับหนึ่ง เพราะการดีดเป็นเพลงแบบอิสระนั้นค่อนข้างยากเลยทีเดียว
Lost Levels ฉากที่ถูกตัดออกไป
โดยปกติแล้วทีมพัฒนามักจะใส่ไดอารี่หรือคลิปเบื้องหลังการพัฒนามาให้เราได้ดูกัน แต่สำหรับในเวอร์ชั่น Remastered นี้ ทางทีมงานมีการนำเอาฉากที่ถูกตัดออกไปจากเกมหลังถึง 3 ฉากใหญ่ๆ ด้วยกันมาให้เราได้เข้าไปลองเดิน ลองเล่นกันเลยจริงๆ ซึ่งในจุดต่างๆ ของฉากจะมีบอลลูนคำพูดของทีมพัฒนาที่จะคอยบอกหรืออธิบายเกี่ยวกับฉากนั้นๆ ให้เราฟังด้วย เราจะได้รู้ถึงการพัฒนาตัวเกมในช่วงไม่กี่เดือนก่อนเกมจะวางจำหน่าย ว่าแต่ละฉากนั้นทำไมถึงถูกตัดออกไป ทั้งนี้ในการเล่นฉากที่ถูกตัดนี้ต้องบอกก่อนว่าบางจุดอาจจะมีสภาพที่ยังพัฒนาไม่เสร็จดีหรือยังไม่สมบูรณ์ทั้งในส่วนของเสียง อนิเมชั่น หรือสภาพแวดล้อมของฉากที่มีบางอย่างขาดหายไป โดยส่วนตัวแล้วรู้สึกประทับใจที่ทีมงานหยิบเอางานส่วนนี้มาให้เราได้เล่นจริงๆ พร้อมกับให้เหตุผลและคำอธิบายต่างๆ ให้เราได้เข้าใจ
No Return ไฮไลท์หลักของเวอร์ชั่น Remastered
สำหรับโหมดนี้นับว่าเป็นส่วนที่ใหญ่ที่สุดที่ถูกเพิ่มเข้ามาใน The Last of Us Part II Remastered และน่าจะเป็นจุดที่คุ้มค่าที่สุดหากใครจะยอมเสียเงินเพื่ออัปเกรดตัวเกม การเล่นในโนรีเทิร์นจะเป็นเหมือนกับการเล่นในสไตล์โร้กไลค์ ก็คือออกไปสู้หรือทำตามเป้าหมายที่กำหนด โดยที่เราจะได้ทรพยากรหรือปลดล็อคในส่วนต่างๆ ไปเรื่อยๆ แต่ถ้าหากเราตายทุกอย่างจะถูกรีเซ็ตและหายหมดกลับมาเล่นใหม่นั่นเอง โดยเริ่มต้นเราจะเลือกเล่นได้แค่เอลลี่กับแอ็บบี้แล้วจะสามารถปลดล็อคตัวละครอื่นๆ ไปได้เรื่อยๆ รวมถึงฉากใหม่ตามความท้าทายที่เกมกำหนด ซึ่งรูปแบบในการเล่นจะมี 3 โหมดคือ โหมดฝูงบุก, โหมดถูกล่า และโหมดคุ้มกัน แต่สถานการณ์ในแต่ละรอบนั้นจะเป็นแบบสุ่มและจะไปจบที่การต่อสู้กับบอส คะแนนของผู้เล่นในหนึ่งสถนการณ์จะขึ้นอยู่กับความเร็วในการจบ ความเสียหายที่ได้รับ การเล่นอย่างมีทักษะ เป็นต้น โดยการเล่นในระดับความยากที่สูงขึ้นจะช่วยเพิ่มตัวคูณคะแนนให้นั่นเอง
ส่วนตัวลองเล่นในโหมดโนรีเทิร์นแล้วต้องบอกว่า ทีมพัฒนานำเอาระบบต่างๆ ของเกมมาต่อยอดได้อย่างมีประสิทธิภาพจริงๆ ครับ ตัวละครแต่ละตัวก็มีความสามารถที่ต่างกันออกไป อาวุธเริ่มต้นของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน ความท้าทายคงอยู่ที่การเจอฉากแบบสุ่มและการปลดล็อคต่างๆ รวมไปถึงความตื่นเต้นที่ต้องเอาชีวิตรอดให้ได้และห้ามตายเด็ดขาด แต่แนะนำว่าถ้าใครอยากจะเล่นควรต้องเล่นโหมดเนื้อเรื่องให้จบก่อนจะดีกว่าครับ
สรุปภาพรวมของ The Last of Us Part II Remastered ถ้าใครที่ยังไม่เคยเล่นเกมนี้มาก่อนก็ถือว่าแนะนำสุดๆ ครับว่าควรหาซื้อมาลองเล่น เพราะตัวเกมนั้นมีประสิทธิภาพและเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ ทั้งงานภาพและเนื้อหาของเกม แถมฟีเจอร์ของจอย DualSense ทั้ง Haptic Feedback และ Adaptive Trigger ก็ช่วยเพิ่มความสนุกให้กับเกมนี้ได้แบบจัดเต็มขึ้น ส่วนถ้าใครที่มีเกมอยู่แล้วและต้องการคอนเท้นต์ใหม่ๆ ดังที่กล่าวมาข้างต้น โดยเฉพาะโหมดโนรีเทิร์นก็ถือว่าคุ้มค่ากับเงินที่จะต้องอัปเกรด แต่มีข้อสังเกตอยู่ว่าถ้าใครที่เคยเล่นภาคออริจินัลไปแล้วและชอบเล่นแค่เนื้อเรื่องอย่างเดียวก็ดูจะไม่คุ้มค่าเท่าไหร่เพราะทุกอย่างเหมือนเดิมทั้งหมด
นักเขียนยุคบุกเบิกที่เล่นเกมมันทุกแพลตฟอร์ม เล่นทุกวัน เล่นมันทุกแนววววว