หลังจากที่พาผู้เล่นไปผจญภัยแบบเดินทางข้ามอเมริกาในยุคหลังการระบาดของเชื้อไวรัส ในเกม The Last of Us ภาคแรกไปแล้วตั้งแต่สมัยเครื่อง PS3 ต้องบอกว่ากลายเป็นเกมขึ้นหิ้งในดวงใจของหลายๆ คนเลยทีเดียว เพราะมีทั้งเนื้อหาที่เข้มข้นบวกกับความกดดันในการเล่น ล่าสุดเรื่องราวที่ทุกคนเฝ้ารอคอยก็กำลังกลับมาสานต่อให้ได้เล่นกันอีกครั้งใน The Last of Us Part II ซึ่งจะวางจำหน่ายในวันที่ 19 มิถุนายน 2020 นี้ แบบ Exclusive บนเครื่อง PS4 แถมพิเศษด้วยการรองรับภาษาไทยทั้งเมนูและซับไตเติ้ลด้วย
สำหรับบทความรีวิวในครั้งนี้จะขอไม่สปอยทั้งเรื่องราวและรายละเอียดการเล่นแบบลึกๆ ให้ทุกคนได้ทราบนะครับ เพราะรู้ดีว่าการสัมผัสกับเกมที่รอคอยมานานด้วยตัวเองนั้นมันสำคัญมากแค่ไหน และอีกอย่างรีวิวนี้ก็ออกมาให้อ่านกันก่อนที่ตัวเกมจะออกวางจำหน่ายอยู่หลายวันเลยทีเดียว
เรื่องราว
The Last of Us Part II เป็นเรื่องราว 5 ปี หลังจากเหตุการณ์ในภาคแรก ซึ่งทั้ง Joel และ Ellie ได้ปักหลักอาศัยกันอยู่ที่ฐานในเมือง Jackson, Wyoming และอยู่ร่วมกับผู้รอดชีวิตคนอื่นๆ ซึ่งดูเหมือนเป็นเมืองที่สงบสุข มั่นคง ส่วนเนื้อเรื่องหลังจากนี้ขอไม่เล่าต่อแล้วนะครับ อยากให้ไปสัมผัสกันเอาเองจะดีกว่า… บอกแค่ว่าในภาคนี้จะพาเราไปผจญภัยในสถานที่ใหม่ซึ่งอยู่ใน Seattle, Washington ที่มีทั้งส่วนที่เป็นเมืองรกร้าง และป่ารกชื้นซึ่งเต็มไปด้วยต้นไม้หนาทึบตามตัวอย่างที่เคยปล่อยมาให้เห็นกัน แต่มีความหลากหลายทางด้านภูมิทัศน์ให้เราได้สำรวจกันแบบที่ต้องตื่นตาตื่นใจอยู่ตลอด บางฉากค่อนข้างกว้างและต้องใช้เวลาในการสำรวจ
ขอบอกไว้เลยว่าเรื่องราวในภาคนี้จะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ Naughty Dog เขียนบทมาได้อย่างดีเยี่ยม มันมีทั้งความรัก ความผูกพันธ์ ความเกลียดชัง หรือความรุนแรงต่างๆ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเหตุและผล Ellie สาวน้อยในวัย 19 ที่โตขึ้นจะต้องฟันฝ่ามรสุมซึ่งถาโถมเข้าสู่ตัวเธอในระหว่างการเดินทางไปยังจุดหมาย ซึ่งภาคนี้ทาง Naughty Dog ได้คุณ Halley Gross ที่เป็นมือเขียนบทของซีรี่ย์ทางทีวีเรื่อง Westworld มาร่วมเขียนบทอีกด้วย
กราฟิก
ขอข้ามมาพูดถึงในรายละเอียดของกราฟิกกันบ้าง Naughty Dog ยังคงทำได้ยอดเยี่ยมเหมือนเช่นเคยในเรื่องกราฟิก ความสมจริง และดูเหมือนว่าจะเป็นเกมยุคท้ายเจนของ PS4 ที่งานภาพเจ๋งมากๆ The Last of Us Part II สร้างอารมณ์ร่วมระหว่างเกมกับผู้เล่นได้เป็นอย่างดี ตั้งแต่การทำโมชั่นเคปเจอร์ของทุกตัวละครที่สมจริงทั้งท่าทางและเรื่องของสีหน้า การแสดงอารมณ์ยันแววตาของตัวละครนั้นๆ หรือจะสภาพแวดล้อมของฉาก สถานที่ทั้งในตัวอาคาร ป่า หรือแม้แต่น้ำก็ยังสมจริงสุดๆ เรื่องของแสงเงาที่ผ่านวัตถุหรือตกกระทบ รวมไปถึงพวกควัน ละออง ฝน ไฟ กับพื้นผิวที่คมชัด ทุกอย่างที่กล่าวมาแล้วพอมารวมทุกองค์ประกอบมันกลายมาเป็นความสมจริงที่ผู้เล่นจะต้องเผชิญไปกับความกดดัน ความเครียด และความหวาดระแวงงเมื่อเข้าไปอยู่ในสถานที่นั้นๆ แนะนำว่าให้ลองเล่นเกมนี้กับหูฟังดีๆ รับรองว่าเพิ่มอรรถรสได้ดีจริงๆ
เกมเพลย์
เมื่อเริ่มเล่นเกมนี้เราจะพบว่าหลายๆ อย่างนั้นยังคงเดิม ทั้งการบังคับ มุมมองแบบ third-person ความสามารถในการฟังที่ทำให้มองเห็นศัตรูแบบทะลุกำแพงหรือการใช้อาวุธ ซึ่งก็สร้างความคุ้นชินให้กับผู้เล่น แต่เมื่อเล่นไปเรื่อยๆ ตัวเกมจะค่อยๆ แนะนำระบบหรือความสามารถใหม่ให้กับเราได้อย่างเรียบเนียน เช่นการกดปุ่ม L1 เพื่อหลบการโจมตีหรือการกดปุ่มสี่เหลี่ยมในการโจมตีระยะประชิดที่ดูดีขึ้น โดยพบว่าภาคนี้การลอบเร้นนั้นมีการพัฒนาขึ้นอย่างมาก Ellie สามารถที่จะหมอบคลานไปกับพื้น แฝงตัวในพงหญ้า และที่สำคัญเธอสามารถว่ายน้ำได้แล้วรวมถึงการดำน้ำด้วย ซึ่งก็ทำให้ตัวเรามีอิสระในการเคลื่อนที่มากขึ้นนั่นเอง สมกับการเป็นเกม survival horror จริงๆ ส่วนการเจอกับพวกผู้ติดเชื้อในภาคนี้ก็จะมีศัตรูตัวใหม่ให้ได้ดวลกันด้วย
เมื่อตัวละครมีความสามารถมากขึ้น ทางด้านของศัตรูเองก็พัฒนาไปด้วยเช่นกัน AI ศัตรูมีความฉลาดขึ้น สื่อสารกันดีขึ้น มีรูปแบบในการจัดการกับเราที่มากขึ้นด้วย ทั้งการยิงกดดันหรือการกระจายตัวกันโอบล้อม แถมบางฉากยังมีสุนัขดมกลิ่นคอยติดตามตัวเราให้ต้องตื่นตัวและเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะจัดการได้ การปาขวดแก้วหรืออิฐยังคงเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจของศัตรูได้เป็นอย่างดีในภาคนี้ นั่นหมายความว่าเราจะต้องคิดเร็ว ทำเร็ว ถึงจะสามารถเอาตัวรอดได้
ระบบการพัฒนาตัวละครและอุปกรณ์ถือเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยเหลือให้เราได้ผ่านสถานการณ์ต่างๆ ได้ ผู้เล่นจะต้องเก็บวัตถุดิบเพื่อนำมาอัพเกรดความสามารถของตัวละครที่แบ่งเป็นสายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยในการลอบเร้น การสร้างอุปกรณ์ หรือกระสุน เป็นต้น ซึ่งถ้าใครอยากเล่นแบบไหนก็สามารถเน้นไปที่สายนั้นๆ ได้ นอกจากนี้พวกอาวุธปืนเองยังสามารถที่จะเก็บวัตถุดิบสำหรับนำไปอัพเกรดที่โต๊ะคราฟได้เช่นกัน ทั้งเรื่องการเพิ่มความจุกระสุน ความนิ่ง หรือความแรง เป็นต้น ดังนั้นการสำรวจแผนที่ซึ่งมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นแบบทุกซอกทุกมุมก็นับเป็นสิ่งจำเป็นในการเล่นภาคนี้
ภาษาไทย
หลังจากประกาศว่าตัวเกมจะรองรับภาษาไทยทั้งเมนูและซับไตเติ้ล หลังจากที่ลองเล่นไปแล้วพบว่าการแปลในเกมนี้ทำได้ดีมาก เหมือนกับกำลังดูภาพยนตร์เลย ทั้งบทพูดการสนทนา รวมไปถึงพวก UI หรือคำอธิบายในส่วนของเอกสารต่างๆ ภายในเกม ส่วนใครที่กลัวว่าซับจะตัวเล็กก็ไม่มีปัญหาเพราะสามารถปรับขยายใหญ่ได้ เปลี่ยนสีหรือใส่พื้นหลังก็ได้ เรียกว่าช่วยให้คนที่ภาษาอังกฤษไม่แข็งแรงสามารถที่จะเข้าถึงเนื้อเรื่องและอินไปกับการเล่นได้มากขึ้นกว่าเดิม ถือเป็นสิ่งที่น่ายินดีสำหรับเกมเมอร์ไทยเราเลยครับ
สรุป
The Last of Us Part II เป็นเกมที่ไม่ควรพลาดเลยจริงๆ ทั้งเนื้อหาที่น่าติดตามซึ่งจะทำให้เราผูกพันไปกับทุกตัวละคร กราฟิกในเกมที่สวยงาม เสียงเพลงประกอบที่มีคุณภาพ หรือแม้แต่การรองรับภาษาไทยในระดับที่ดีกว่าทุกเกมที่เคยเห็นมา อีกทั้งเราจะพบกับความท้าทายที่สามารถปรับระดับความยากง่ายในการเล่นเองได้แบบละเอียดยิบ ทั้งนี้ตัวเกมเมื่อเล่นจบแล้วจะมีโหมด Newgame+ ให้ลุยกันต่อ แต่ภาคนี้ไม่มีการใส่โหมด Multiplayer เข้ามา เอาเป็นว่าหลบสปอยกันให้ดีแล้วรอไปสัมผัสด้วยตัวเองกันได้ 19 มิถุนายน 2020 นี้ บนเครื่อง Playstation 4
**ขอบคุณโค้ดรีวิวจากทาง Sony Interactive Entertainment
นักเขียนยุคบุกเบิกที่เล่นเกมมันทุกแพลตฟอร์ม เล่นทุกวัน เล่นมันทุกแนววววว