อยู่คู่กับวงการเกมต่อสู้มาอย่างยาวนานกับซีรีส์ Street Fighter ที่ไม่ว่าผ่านมากี่ยุคกี่สมัยก็คงครองใจแฟนๆ กันอยู่เหมือนเดิม และล่าสุดทาง Capcom ก็พร้อมวางจำหน่ายภาคใหม่ล่าสุดอย่าง Street Fighter 6 ให้ได้เล่นกันไปเรียบร้อยแล้ว และถือว่าเป็นภาคที่ถูกปรับให้เข้ากับแฟนๆ ในทุกยุคสมัยได้เล่นกันอย่างเมามันส์เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นวัยเก๋าสมัยควงจอยหรือแฟนรุ่นใหม่ที่เพิ่งหัดเล่นและต้องการความง่ายในการกดคอมโบ บอกเลยว่าเป็นภาคที่ไม่ควรพลาดจริงๆ
ผลงานล่าสุด Street Fighter 6 ที่ Capcom ส่งออกมาในยุคนี้ต้องบอกว่าหมดปัญหาเรื่องกราฟิกและความสวยงามของตัวเกมที่จัดเต็มมาแบบยกเครื่องด้วย RE Engine ทั้งในส่วนของโมเดลตัวละคร แสงสี Effect ของท่วงท่าคอมโบต่างๆ ไปจนถึงความไหลลื่นในการเล่นและการต่อคอมโบรัวชุดใหญ่ โดยเฉาะ Effect ลวดลายของสีแบบหมึกที่หลายคนชื่นชอบถูกนำมาผสมผสานเข้ากับศิลปะสีสันแบบกราฟิตี้เข้าไป บวกกับบีทดนตรีสไตล์ Hiphop ทำให้ทุกอย่างดูลงตัวอย่างมาก และถ้าใครสังเกตดีๆ จะพบว่าทาง Capcom ใส่รายละเอียดไปจนถึงร่องรอยบาดแผลหรืออาการฟกช้ำบนตัวละครด้วย
Street Fighter 6 จะมีโหมดการเล่นหลักออกเป็น 3 โหมดใหญ่ๆ คือ World Tour, Battle Hub, และ Fighting Ground ซึ่งแต่ละโหมดนั้นจะมีรายละเอียดการเล่นที่แยกย่อยออกไปอีก โดยมีเอกลักษณ์และความน่าสนใจที่แตกต่างกัน แต่โดยรวมแล้วมันจะนำพาเรากลับไปสู่แก่นแท้ของสังเวียนการต่อสู้ข้างถนนอย่างแท้จริง สำหรับตัวละครในตอนนี้มีทั้งหมด 18 ตัวละครโดยแบ่งเป็นรุ่นตำนานที่เราคุ้นเคยกันดีอย่าง Ryu, Ken, Chun-Li, Guile, Dhalsim, Blanka, E.Honda, Zangief และตามมาด้วยนักสู้ในช่วงกลางอย่าง Cammy, Dee Jay, Juri, JP ไปจนถึงตัวละครใหม่ที่เป็นเจนล่าสุดอย่าง Lunk, Jamie,Manon, Marisa, Lily ส่วนในอนาคตจะมีนักสู้คนอื่นๆ ตามมาอีกเพียบแน่นอน
World Tour โหมดนี้ถือเป็นตัวชูโรงที่ทาง Capcom ตั้งใจนำเสนอมาโดยตลอดตั้งแต่เปิดตัวเกม โดยโหมดนี้จะให้ผู้เล่นได้สร้างอาวาตาร์หรือตัวละครในแบบของตัวเอง สามารถเลือกเพศ หน้าตา ปรับแต่งรายละเอียดได้อิสระเพื่อนำไปลุยในโลกของนักสู้ข้างถนนแห่งเมือง Metro city ผ่านเนื้อเรื่องแบบเดียวกับเกม 3D ผจญภัยในสมัยใหม่ ให้เราได้สำรวจสถานที่อันกว้างใหญ่ใน Map พูดคุยกับ NPC รับเควสท์ ทำภารกิจต่อสู้กับนักเลงข้างถนน และยังมีโอกาสได้พบกับนักสู้ระดับตำนานของ Street Fighter อีกด้วย
เอาจริงๆ มันเป็นโหมดที่เหมาะกับผู้เล่นหน้าใหม่หรือคนที่ต้องการจะเรียนรู้ระบบของเกมในภาคนี้ เพราะเราสามารถที่จะท้า NPC ที่เดินไปมาเพื่อต่อยตีได้และยังได้ค่าประสบการณ์เอามาอัพเลเวลเพื่อไปปลดล๊อคท่ากับสกิลต่างๆ ได้เช่นกัน แถมยังสามารถเลือกไสตล์การต่อสู้ของตัวละครหลักมาผสมกับท่าของตัวละครหลักอื่นๆ ที่เราต้องการได้ทำให้ตัวละครของเรานั้นมีความโดดเด่นที่ไม่เหมือนกับคนอื่น ซึ่งเราสามารถที่จะนำตัวละครอาวาตาร์ของเราไปใช้ต่อสู้กับผู้เล่นคนอื่นได้ และยังสามารถซื้อเสื้อผ้ากับของตกแต่งต่างๆ ได้เช่นกัน หากเล่นตามเนื้อเรื่องไปเรื่อยๆ เกมจะพาเราออกไปสำรวจสถานที่อื่นๆ ได้ทั่วโลกกันเลยทีเดียว
Battle Hub ส่วนต่อมาที่จะเป็นโหมดสำหรับเอาไว้เล่นออนไลน์ Multiplayer มันเป็นเหมือน Hub หลักที่จะให้เราเอาตัวละครอาวาตาร์ของเราเข้าไปเดินรวมกันอยู่ในล้อบบี้ที่ถูกสร้างมาเหมือนกับร้านตู้เกมอาร์เคดขนาดใหญ่ มีทั้งลานตรงกลางไว้ท้าสู้ มีจอขนาดใหญ่ไว้นั่งดูการแข่งขันในอนาคต มีตู้เกมอาร์เคดให้เราได้เล่นเกม Street Fighter ภาคเก่าๆ สุดคลาสิกในอดีตด้วย เช่น Street Fighter II หรือ Street Fighter Puzzle เป็นต้น เท่านั้นยังไม่พอ มีแม้กระทั่งร้านขายเครื่องแต่งกายที่จับมือกับแบรนด์แฟชั่นชั้นนำในโลกจริงด้วย ทั้งนี้ผู้เล่นจะต้องทำการสมัคร Capcom ID เอาไว้ก่อนถึงจะเข้ามาเล่นในโหมดนี้ได้ ส่วนคนที่กังวลเรื่องปิงสูง ทางทีมงานก็มีการเปิดใช้ Rollback Netcode มาช่วยทำให้การดวลแบบออนไลน์นั้นไหลลื่นขึ้น เชื่อว่าโหมดนี้เป็นการสนับสนุนการแข่งขัน esports ของเกมนี้ได้อย่างดีเลยทีเดียว
Fighting Ground จัดว่าเป็นโหมดคลาสิกของตัวเกมที่รุ่นเก๋าคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพราะมันจะมีพวกโหวดย่อยรวมอยู่ในนี้อีกเพียบ ทั้ง ARCADE ที่เอาไว้เล่น Story หรือจะพวก PRACTICE ฝึกสอน VERSUS ไว้ดวลหนึ่งต่อหนึ่งเรื่องเป็นทีมไปจนถึงพวการเล่นออนไลน์ใน SPECIAL MATCH, ONLINE สำหรับ Story นั้นจะเป็นเรื่องราวสั้นๆ ของตัวละครแต่ละตัวที่เล่าผ่านคัทซีนงานภาพวาดและคำบรรยายแบบสั้นๆ ที่เราจะต้องเล่นให้จบทุกตัวละครเพื่อดูเรื่องราวล่าสุดและการปลดล๊อคภาพอาร์ตต่างๆ ส่วนโหมดต่อสู้อื่นๆ ก็คุ้นเคยกันดีอยู่แล้วทั้งการดวลกับเพื่อนในที่เดียวกันแบบ Local ไปจนถึงดวลกับคนอื่นแบบออนไลน์
ใน Street Fighter 6 มันจะมีความพิเศษอยู่อีกอย่างคือเรื่องของการกดปุ่ม ที่ทาง Capcom มีการออกแบบมาให้ผู้เล่นในทุกยุคทุกสมัยได้บังคับและกดคอมโบกันได้ตามความสะดวกและฝีมือของแต่ละคน โดยสามารถปรับเปลี่ยนไปมาได้ทุกเมื่อ มันจะแบ่งออกเป็น 3 แบบคือ การควบคุมแบบ Classic ที่ต้องกดท่ากันเหมือนกับในภาคเก่าๆ อาศัยการควงปุ่มกันเหมือนเดิมกับอีกอย่างคือ Modern ระบบการควบคุมแบบง่ายที่สามารถออกท่ายากๆ ได้ด้วยการกดปุ่มเพียงแค่ปุ่มหรือ 2 ปุ่มเท่านั้น กับสุดท้าย Dynamic เป็นการควบคุมแบบอัตโนมัติที่จะออกท่าต่างๆ ให้เองตามระยะของศัตรู ใครชอบแบบไหนก็ลองไปเลือกใช้กันได้เลย
พูดถึงการต่อสู้แล้วในภาคนี้มีการเพิ่มระบบ Drive เข้ามาด้วย จะเป็นเกจสีๆ ใต้หลอดเลือดของผู้เล่นที่จะมาทำให้ตัวละครของเราสามารถใช้ท่าที่จะมาพลิกแพลงสถานการณ์ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งแบ่งออกเป็นท่า Drive Impact เอาไว้โจมตีหนักหรือพลักศัตรูให้ออกห่างจากตัว และยังมีท่า Drive Rush ที่เป็นออร่าสีเขียวเพื่อเอาไว้สำหรัยยกเลิกอนิเมชั่นการเคลื่อนไหวของตัวละครให้สั้นลงเพื่อเอาไว้ต่อคอมโบได้ง่ายขึ้น กับ Drive Parry ที่เป็นท่าเอาไว้ปัดป้องท่าของศัตรูได้แบบง่ายดาย
สรุปโดยรวมแล้ว Street Fighter 6 ถือเป็นภาคที่ผู้เขียนกลับมาเล่นแล้วประทับใจมากๆ มันมีหลากหลายสไตล์และความสนุกให้เราได้เลือกเล่น ไม่ว่าจะเดินทำภารกิจฝึกฝนตัวละครใน World Tour หรือการไปดวลกับคนอื่น แต่งตัวซื้อของหรือนั่งเล่นเกมตู้ของภาคเก่าๆ ใน Battle Hub หรือการเล่นในแบบอารมณ์เก่าๆ ของ Fighting Ground ที่คุ้นเคย และที่ขาดไม่ได้คือระบบการต่อสู้กับการบังคับที่ทำให้การควบคุมใช้ท่ายากๆ แบบมือโปรนั้นไม่ยุ่งยากอีกต่อไป ขอยกให้เป็นเกมต่อสู้ยอดเยี่ยมประจำปีนี้กันไปเลยครับ
นักเขียนยุคบุกเบิกที่เล่นเกมมันทุกแพลตฟอร์ม เล่นทุกวัน เล่นมันทุกแนววววว