ออกมาวางจำหน่ายให้ได้เล่นกันแล้วสำหรับ Persona 3 Reload จากทาง SEGA และ Atlus ซึ่งชื่อของซีรีส์ Persona 3 คงจะคุ้นตาเกมเมอร์กันเป็นอย่างดี Persona 3 เองก็ถือว่าเป็นเกม JRPG ระดับตำนานจากสมัยเครื่อง PS2 ด้วย และคราวนี้ตัวเกมถูกหยิบมายกเครื่องรีเมคใหม่ทั้งหมด รวมถึงปรับปรุงในหลายๆ ส่วนให้ทันสมัยขึ้นเพื่อยกระดับตัวเกมให้น่าสนใจขึ้นนั่นเอง อีกทั้งล่าสุดยังมีวางจำหน่ายให้ได้เล่นกันเพิ่มเติมบน Nintendo Switch 2 แล้วด้วย บอกเลยว่าแฟน ๆ ไม่ควรพลาด
อย่างแรกที่ขอหยิบมาพูดถึงกันก่อนเลยก็คือเรื่องของกราฟิกและงานภาพที่มีการยกระดับไปอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งถ้าใครที่เคยเล่นมาตั้งแต่สมัย PS2 คงจะอิ่มเอมไปกับการรีเมคในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นความคมชัด สีสัน แสงเงา หรือโมเดลตัวละครที่ดูสมส่วนและสมจริงขึ้น การปรับภาพจากแบบ SD มาเป็น Cel-shading 3D models เหมือนกับอนิเมะญี่ปุ่นถือว่าทำได้ดีและน่าเล่นมากๆ จากข้อมูลพบว่าหลายฉากมีการออกแบบขึ้นมาใหม่ทั้งหมดด้วย และนอกจากนี้พวกท่าการใช้สกิลต่างๆ เองก็ถือว่าทั้งสวยงาม เท่ห์ และอลังการจริงๆ แม้ว่าจะมีบางจังหวะที่เฟรมเรตไม่ค่อยเสถียรให้เห็นอยู่บ้างแต่โดยรวมถือว่ายังทำได้ดีทั้งในโหมดการเล่นแบบพกพาหรือการต่อ Dock เล่นบนทีวี แต่ความเจ็บปวดก็คือในเวอร์ชั่นของ Nintendo Switch 2 มีการล็อคเฟรมเรตไว้ที่ 30fps เท่านั้น… ใครที่เล่นในโหมดพกพาก็อาจจะเจอปัญหากระตุกอยู่บ้าง หวังว่าจะมีการอัปเดตแก้ไขในอนาคต
ในด้านของงานเสียงเองแน่นอนว่าต้องยกให้กับเพลงประกอบที่หยิบเอางานเดิมจากต้นฉบับมาปรับปรุงเรียบเรียงใหม่ได้อย่างดีเยี่ยม มีทั้งไพเราะและเร้าอารมณ์ได้เป็นอย่างดี และยังมีในส่วนของงานพากย์ที่แม้จะไม่ได้มาเต็มพิกัดแบบ full voice แต่ก็ถือว่าทำได้ดีและมาเยอะมากๆ ถึงตัวเอกจะไม่มีเสียงพากย์แต่ตัวละครอื่นๆ ก็มีกันทุกคน ส่วนตัวแล้วชอบเพลงต่าง ๆ ของซีรีส์นี้อยู่แล้วทั้งเร้าใจและเล่นได้เพลิน ๆ เลยทีเดียว ในเวอร์ชั่นใหม่นี้ยังได้ อาสึชิ คิตะโจ จาก ATLUS Sound Team รับผิดชอบด้านงานดนตรีสำหรับเกมภาคนี้ เพลงยอดนิยมที่มีอยู่เดิมได้รับการรีมิกซ์และบันทึกเสียงใหม่ทั้งหมด พร้อมทั้งเพิ่มเพลงใหม่มากมายตั้งแต่เพลงเปิดไปจนถึงเพลงต่อสู้ สำหรับการขับร้องยังได้คุณ Azumi Takahashi และคุณ Lotus Juice มาช่วยร้องเพลง โดยเพลงต่อสู้ใหม่อย่าง “It’s Going Down Now” ที่ทั้งสองท่านขับร้องก็มียอดรับฟังทะลุ 100 ล้านบน Spotify จนขึ้นแท่นเป็นเพลงที่ได้รับนิยมระดับโลก
นอกจากรายละเอียดหลายส่วนที่ยกมาจากตัวเกมต้นฉบับแล้ว ทางด้านของเนื้อเรื่องเองก็ยกของเดิมมาให้เราได้เล่นกันเลยเช่นกัน โดยเราจะได้เล่นเป็นตัวเอกที่เพิ่งย้ายโรงเรียนมาอยู่มัธยมปลาย Gekkoukan ในเมือง Iwatodai ซึ่งในระหว่างที่กำลังไปยังหอพักก็ได้พบกับเหตุการณ์ประหลาด ที่บรรยากาศของเมืองและผู้คนเปลี่ยนไป จนหลังจากที่ได้เข้าไปอยู่ในหอพักแล้วเลยได้รู้เกี่ยวกับ Dark Hour ที่เป็นช่วงเวลาพิศวงในชั่วโมงที่ 25 ของวัน ที่คนจะกลายเป็นโลงศพและมีพวกปิศาจ Shadows โผล่มาดูดวิญญาณผู้คน และตัวเอกก็ได้เข้าร่วมกับกลุ่ม S.E.E.S. (Specialized Extracurricular Execution Squad) เพื่อค้นหาความลับนี้และคอยจัดการหยุด Dark Hour ซึ่งกลุ่มคนพิเศษนี้จะมีความสามารถในกาเรียก Persona ออกมาช่วยในการต่อสู้ได้อีกด้วย โดยเรื่องราวฉากจบในการเล่นนั้นก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้เล่นด้วยว่าจะได้ฉากจบแบบ True Ending หรือ Bad Ending ซึ่งอารมณ์ของเนื้อหายังคงมืดมนและดำดิ่งสุดดาร์กเหมือนกับเกมต้นฉบับ
ทางด้านของเกมเพลย์โดยหลักๆ แล้วเกมจะแบ่งออกเป็นสองส่วน คือส่วนของการใช้ชีวิตประจำวันในโรงเรียนและการทำกิจกรรมระหว่างวันกับหลังเลิกเรื่อย และอีกส่วนคือช่วงเวลากลางคืนของ Dark Hour ที่จะให้เราได้ลุยหอคอย Tartarus ต่อสู้กับมอนสเตอร์ โดยรายละเอียดหลักๆ ยังเคารพต้นฉบับ แต่มีการเสริมและปรุงแต่งเข้าไปให้ตัวเกมน่าเล่นและดูน่าสนใจขึ้นทั้งจากการหยิบยกระบบจากในภาคใหม่ๆ ไปจนถึงการใส่ของใหม่เข้าไป เป็นต้น
พูดถึงส่วนของการเล่นในชีวิตประจำวันของตัวเอกกันก่อนเลย เนื่องจากกราฟิกและฉากต่างๆ มีการรีเมคใหม่ทั้งหมด ทำให้ใน Persona 3 Reload ผู้เล่นสามารถที่จะเดินสำรวจสถานที่ต่างๆ ได้อย่างอิสระขึ้น ไม่ว่าจะเป็นฉากในโรงเรียน หรือสถานที่ต่างๆ ภายในเมือง การเดินคุยกับผู้คน ซึ่งจะมีกิจกรรมให้ทำมากมายในการสานสัมพันธ์กับตัวละคร ทั้งการติวหนังสือ การตอบคำถามของอาจารย์ในชั่วโมงเรียน การออกไปหาอะไรกินกับเพื่อน การนั่งดูทีวี การไปเล่นตู้เกม หรือแม้กระทั่งการจีบสาว ซึ่งทั้งหมดนั้นจะช่วยเพิ่มสถานะ Social Stats ให้กับตัวเรา ซึ่งจะมี 3 ค่าคือ Charm, Courage และ Academics โดยการเพิ่มความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครอื่นๆ นั้นในเกมจะเรียกว่า Social Link โดยมันจะไปเกี่ยวโยงกับเรื่องของการผสม Persona นั่นเอง และส่งผลต่อความแข็งแกร่งขึ้นด้วย
ใน่สวนของช่วงเวลา Dark Hour หลังเที่ยงคืน ตัวเกมจะให้เราได้เข้าไปลุยในหอคอย Tartarus จะเป็นการสำรวจในแต่ละชั้นและไต่ขึ้นไปชั้นสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเวลาเจอกับศัตรูก็จะเป็นการตัดฉากไปต่อสู้แบบเทิร์นเบสนั่นเอง งานนี้ไต่กันเหนื่อยแน่นอนเพราะไม่รู้ว่ามันจะไปสิ้นสุดที่ชั้นไหน โดยศัตรูเองก็จะเก่งขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่ต้องห่วงหากเราต้องการหยุดหรือพักก็สามารถใช้เครื่องวาร์ปไปยังชั้นที่ต้องการหรือกลับมาที่ชั้นล่างสุดเพื่อออกจากหอคอยได้ การต่อสู้ในแบบ JRPG เทิร์นเบสน่าจะเป็นสิ่งที่หลายคนชอบ การต่อสู้มีเรื่องของการออกคำสั่งท่าต่างๆ และเรื่องของการแพ้ทางแพ้ธาตุ ทั้งนี้ในชั้นล่างสุดตรงทางเข้าจะมีประตู Velvet Room สำหรับเข้าไปจัดการเกี่ยวกับ Persona อยู่ด้วย
โดยในแต่ละวันตัวเกมจะใช้ระบบปฎิทินที่หมุนเวียนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามช่วงเวลากลางวันในการใช้ชีวิตประจำวันของตัวเอก และกลางคืนหลังเที่ยงคืนสู่ช่วงเวลา Dark Hour ซึ่งจะเป็นแบบนี้ดำเนินเรื่อยไปต่อเนื่องในแต่ละวัน ทั้งนี้สำหรับคนที่กลัวพลาดเกี่ยวกับกิจกรรมในช่วงกลางวันนั้นตัวเกมก็จะมีฟีเจอร์การย้อนเวลาเพื่อกลับไปแก้ไขหรือเล่นเหตุการณ์ในช่วงนั้นๆ ได้ใหม่ด้วย
สรุปภาพรวมของ Persona 3 Reload ส่วนตัวแล้วคิดว่าเป็นการรีเมคที่ลงตัวมาก ๆ ตัวเกมเข้าถึงง่ายไม่ยากหรือซับซ้อนจนเกินไปสำหรับมือใหม่ และถ้าใครที่เคยเล่นมาก่อนสมัย PS2 เองก็ต้องรู้สึกชอบกับการเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่างในเกมให้ดูทันสมัยขึ้นและน่าเล่นขึ้น มันเป็นการรีเมคและอัปเกรดขึ้นในทางที่ดีอย่างมาก ใครที่ชอบเล่นเกม JRPG บอกเลยว่าไม่ควรพลาดเวอร์ชั่นนี้จริงๆ อาจจะติดเรื่องเฟรมเรตอยู่บ้างแต่ก็ยังพอได้อยู่ แฟน ๆ Persona 3 Reload ของเครื่อง Nintendo Switch 2 ก็รอติตามเรื่องการอัปเดตในอนาคตกันได้เรื่อยๆ
No Game No Life !!
