สำหรับแฟนๆ สาวก Marvel นอกจากจะได้สนุกไปกับภาพยนต์แล้ว ช่วงหลังมานี่มีการส่งเกมสนุกๆ ออกมาให้ได้ฟินกันอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดที่เพิ่งวางจำหน่ายไปไม่นานนี้ก็คือ Marvel’s Midnight Suns ซึ่งแหวกแนวจากเกมแอคชั่นผ่านด่านทั่วไปหรือเกมโลกเปิดมาสู่เกมการเล่นแบบวางแผนการรบให้ได้ใช้ความคิดไปพร้อมๆ กับเนื้อเรื่องสุดสนุกและน่าสนใจตามสไตล์ของ Marvel ซึ่งวันนี้จะมารีวิวตัวเกมและความรู้สึกหลังจากที่ได้ลองเล่นไปแล้วมาให้อ่านกันครับ
Marvel’s Midnight Suns เป็นผลงานการพัฒนาของ Firaxis Games สตูดิโอผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของเกมซีรีส์ XCOM และจับมือกับทาง Marvel Games โดยมี 2K เป็นผู้จัดจำหน่ายตัวเกม พัฒนาออกมาเป็นเกมการ์ดซุปเปอร์ฮีโร่ที่มีรูปแบบการเล่นแบบ tactical role-playing game หรือเกมวางแผนผลัดกันเดิน แต่หากใครคิดว่ามันจะเหมือนกับ XCOM ขอบอกว่ามันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
เรื่องราวภายในเกมนั้นจะเป็นการหยิบอีเว้นท์หนึ่งจากในคอมมิคมาให้เราได้เล่นกัน เป็นเรื่องราวในคอมมิค Ghost Rider ชื่อ The Rise of the Midnight Sons ในปี 1992 เกี่ยวกับการรวมพลกันเพื่อไปจัดการกับ Lilith ซึ่งเป็นมารดาแห่งปีศาจที่ถูกชุบชีวิตขึ้นมาโดยฝีมือขององค์กร Hydra ที่หวังจะยึดครองโลก งานนี้ซุปเปอร์ฮีโร่และฝั่งแอนตี้ฮีโร่จึงต้องจับมือกัน เรียกว่าในเกมมีตัวละครดังๆ คุ้นหน้าคุ้นตาขนกันมาให้เราได้เห็นกันเพียบ ไม่ว่าจะจากทั้ง Avengers, X-Men หรือแม้กระทั่งในกลุ่ม Runaways โดยตัวละครที่เราสามารถเลือกเล่นได้นั้นจะมีทั้ง Iron Man, Captain America, Wolverine, Spider-Man, Scarlet Witch, Doctor Strange, Captain Marvel, Blade, Ghost Rider, Magik, Hulk, Nico Minoru, Storm, Morbius, Venom, Deadpool เป็นต้น
แต่ตัวละครหลักที่ผู้เล่นจะได้สวมบทบาทก็คือ “The Hunter” ซึ่งเป็นตัวละครที่ถูกชุบชีวิตขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับ Lilith และก่อตั้งกลุ่ม Midnight Suns ขึ้นมา เพราะเธอคือลูกสาวของ Lilith นั่นเอง โดยเราสามารถที่จะสร้างตัวละคร เลือกเพศ ปรับแต่งหน้าตารูปลักษณ์ต่างๆ ในแบบของเราได้ แต่บางรายละเอียดก็มีให้เลือกปรับน้อยมากๆ ต้องบอกว่าเรื่องราวในเกมนี้จะเต็มไปด้วยคัทซีน บทพูด มุขตลก แบบเยอะมากๆ เหมือนกับเราได้ดูซีรีส์ยาวเรื่องหนึ่ง ซึ่งถ้าใครเป็นสาวก Marvel รับรองคงได้ฟินแน่นอน แต่ถ้าพูดถึงเกมเมอร์แล้วบอกเลยว่ามันยาวและเยอะจนบางครั้งแอบเบื่อไปเหมือนกัน เชื่อว่าคงต้องมีกดข้ามบทพูดกันแน่ๆ คงด้วยความที่เกมใส่ตัวละครมานับสิบจึงอยากจะให้แต่ละตัวนั้นผูกพันธ์กับผู้เล่นหรือให้เราได้อินไปกับบทพูดของแต่ละตัวก็เป็นได้
ในส่วนของเกมเพลย์อย่างที่บอกไปแล้วว่าเป็นแนว tactical role-playing game ซึ่งมีเรื่องของการ์ดเข้ามาเกี่ยวข้อง และดูจะต่างจากเกมวางแผนการรบอย่าง XCOM ที่เราเคยเล่นกันมา เราจะต้องวางแผนในการเลือกใช้การ์ดที่มีอยู่จำนวนจำกัดมากๆ ในช่วงแรกเพื่อออกคำสั่งให้กับตัวละคร ดูเงื่อนไขและความสามารถของการ์ดเพื่อทำคอมโบในการจัดการกับศัตรู ซึ่งแต่ละตัวละครก็จะมีการ์ดและความสามารถที่ต่างกันออกไป แต่ก็อิงกับความสามารถของตัวละครนั้นๆ จากในคอมมิค ซึ่งตรงจุดนี้ต้องขอชมเลยว่าออกแบบกับทำการ์ดเชื่อมโยงกับตัวละครได้ดีมากๆ และพอมีตัวละครให้จัดลงทีมได้เยอะๆ ก็ยิ่งทำให้เราเลือกพลิกแพลงในการลุยได้หลากหลายขึ้นตามไปด้วย การ์ดพวกนี้จะสามารถอัพเกรดความสามารถขึ้นได้
ในแต่ละเทิร์นนั้นจะมีการสุ่มการ์ดขึ้นมาในมือให้เราเลือกใช้งาน โดยจะมีคำสั่งเลือกเปลี่ยนการ์ดใบใหม่ขึ้นมาได้ แต่จะมีเงื่อนไขจำนวนครั้งในการเปลี่ยนอยู่ และนอกจากนี้ยังจะมีเงื่อนไขจำนวนครั้งในการที่เราจะเลือกฮีโร่เพื่อเดินไปยังจุดที่ต้องการได้อยู่ด้วย นั่นหมายความว่าเราไม่สามารถที่จะเลือกฮีโร่เพื่อเดินไปไหนมาไหนในฉากต่อสู้ได้อย่างอิสระเหมือนกับเกมแนว tactical สมัยใหม่นั่นเอง แต่ในเกมนี้เวลาเรากดใช้การ์ดอย่างเช่นการโจมตีใส่ศัตรูก็จะมีตำแหน่งขึ้นบอกตอนใช้ว่าเมื่อเราใช้แล้วตัวละครของเราจะเดินไปยังตำแหน่งไหนก่อนที่จะทำการโจมตี
โดยส่วนที่น่าสนใจก็คือเราสามารถที่จะใช้พวกวัตถุในฉากเพื่อช่วยเหลือในการโจมตีได้ เช่นการเหวี่ยงศัตรูให้ไปโดนตู้ไฟฟ้า หรือการยิงไปยังถังน้ำมันเพื่อให้เกิดการระเบิด การเดินไปหลังกล่องเพื่อถีบมันออกไปทำดาเมจเป็นแนวเส้นตรงให้โดนศัตรูที่ยืนเรียงกันอยู่ เป็นต้น
นอกจากการต่อสู้แล้ว ในเกมยังมีฉากแผนที่ให้เราได้เดินกันด้วย โดยจะเป็นการเล่นในมุมมองแบบ TPS หรือบุคคลที่ 3 แต่จะเป็นแค่ในส่วนของฐานหรือที่ในเกมเรียกว่า The Abbey มันจะเป็นฉากที่ไม่ใหญ่มากนักมีส่วนของป่าและอาคารซึ่งเป็นฐานของเราให้ได้เดินไปคุยกับ NPC เพื่อทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันหรือพูดคุยเพื่อเพิ่มระดับความสัมพันธ์ และยังรวมไปถึงการรับภารกิจต่างๆ ด้วย ซึ่งในด้านนอกอาคารจะมีพวกการค้นหาของสะสมกับสถานที่สำหรับให้เราได้แก้ปริศนากันด้วย
เรื่องราวของกราฟิกในเกมนี้น่าจะเป็นอย่างเดียวที่ค่อนข้างแปลกใจ เพราะตัวเกมมีกราฟิกที่ธรรมดามาก เหมือนกับเกมในช่วง 5-6 ปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นโมเดลตัวละคร เทกเจอร์ที่ดูโล้นๆ แข็งๆ นี่ยังไม่รวมถึงฉากคัทซีนที่บางฉากภาพแตกจนน่าตกใจ น่าเสียดายจริงๆ ที่ทางทีมพัฒนาน่าจะทำกราฟิกออกมาให้ดูดีกว่านี้ให้สมกับเป็นเกม Marvel ในปี 2022 ยังดีที่ในฉากต่อสู้ยังพอมีท่าทางกับการใช้สกิลต่างๆ ที่ดูดีขึ้นมาหน่อย
สรุปภาพรวมของ Marvel’s Midnight Suns ถ้าพูดถึงเกมเพลย์ในส่วนของการต่อสู้ การเล่นวางแผนและการใช้สกิลด้วยการ์ดนั้นทำได้ดีเลยทีเดียวล่ะครับ ยิ่งเล่นยิ่งเพลินและสนุกมาก แต่พอต่อสู้เสร็จก็กลับมาเจอคัทซีนหรือบทพูดยาวๆ ที่ดูจะยาวจนเกินไป แถมกราฟิกก็ยังลดคุณภาพของเกมลงไปอีกต่อ เลยคิดว่าถ้าใครที่เป็นแฟน Marvel ชอบเน้นเนื้อเรื่องหรือบทพูดของตัวละคร อยากเห็นตัวละครที่รักก็ถือว่าคุ้มค่าจริงๆ โดยเฉพาะคนที่ชอบคอมมิค หากสนใจก็สามารถไปหาซื้อมาเล่นกันได้เลย สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมของเกมได้ที่ https://midnightsuns.2k.com/
นักเขียนยุคบุกเบิกที่เล่นเกมมันทุกแพลตฟอร์ม เล่นทุกวัน เล่นมันทุกแนววววว