ในบรรดาเกมอินดี้ฟอร์มยักษ์ที่ถูกพูดถึงมาตลอดหลายปี Lost Soul Aside คือหนึ่งในโปรเจกต์ที่ถูกจับตามองมากที่สุด ด้วยการพัฒนาอย่างยาวนานและแรงบันดาลใจจากเกมแอ็กชันชื่อดังอย่าง Final Fantasy XV และ Devil May Cry ผลงานชิ้นนี้ของผู้พัฒนาชาวจีน Yang Bing ก่อนจะได้รับการสนับสนุนจาก Sony ในฐานะส่วนหนึ่งของ China Hero Project กลายเป็นเกมที่แฟน ๆ ทั่วโลกรอคอย แต่หลังจากที่ตัวเกมออกวางจำหน่ายกลายเป็นเกมที่เงียบหาย หลายคนเล่นแล้วผิดหวัง วันนี้เรามีรายละเอียดของเกมนี้หลังจากที่เล่นจบแล้วมารีวิวให้อ่านกัน
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ Louisa น้องสาวของ Kaser ถูกสิ่งมีชีวิตที่เป็นปฏิปักษ์อย่าง Voidrax ชิงดวงวิญญาณไป Kaser จึงต้องออกเดินทางใน การผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่ เพื่อตามหาวิธีที่จะกอบกู้ดวงวิญญาณของน้องสาวกลับคืนมา และในระหว่างการเดินทางนี้เองที่เขาได้พบและทำข้อตกลงกับ Arena ซึ่งกลายเป็นคู่หูในการต่อสู้ที่มอบทั้งพลังและความสามารถใหม่ ๆ ให้กับเขา ทั้งนี้ตัวเกมไม่ได้เล่าเรื่องด้วยโครงสร้างแบบ RPG คลาสสิก แต่เลือกใช้การเล่าเรื่องผ่านฉากคัทซีนและบทสนทนาแบบสั้น ๆ เน้นบรรยากาศและอารมณ์ แต่ไป ๆ มา ๆ ส่วนของเนื้อเรื่องในเกมนี้น่าจะเป็นจุดอ่อนอีกจุดของเกมที่ทำให้ผู้เล่นงงและไม่อินไปกับมัน ซึ่งส่วนตัวแล้วบอกตามตรงว่าชวนง่วงกับเรื่องราวและบทพูดในเกมนี้เอามากๆ มันทั้งราบเรียบและไร้อารมณ์ร่วมจริง ๆ
ทางด้านของกราฟิกของเกมนั้นจะว่าดูดีก็พูดได้ไม่เต็มปาก หลายส่วนก็ทำได้ดีมีคุณภาพ ไม่ว่าจะการออกแบบงานฉากที่อลังการ หรือ Effect การใช้สกิลแสงสีต่างๆ ที่เวอร์วังใช่เล่นจนบางครั้งก็แอบปวดตาเอาเหมือนกัน พวกมอนสเตอร์ที่ออกแบบมาได้ดีน่าจดจำเลยทีเดียว แต่ส่วนของโมเดลตัวละครเองดูแข็งทื่อเอามาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นท่าทางการเคลื่อนไหวหรือสีหน้าของตัวละคร ยิ่งเฉพาะตัวเอก Kaser แอบรู้สึกว่ารูปร่างมันไม่ค่อนสมส่วนขัดใจแปลก ๆ
เกมเพลย์ของ Lost Soul Aside นั้นจะเป็นเกมเนื้อเรื่องเน้นเดินหน้าแบบเส้นตรง ไม่ได้มีอะไรให้สำรวจมากนักแม้จะทำแผนที่บางฉากเอาไว้กว้างขวางใหญ่โตก็ตาม เกมจะมีตำแหน่งบอกทางให้เราลุยไปเรื่อย ๆ เดินไปตามฉาก จัดการมอนสเตอร์ เก็บของและสู้กับมินิบอสหรือกับบอสใหญ่ที่ปลายทาง แล้วก็กลับเมืองมาพักซื้อของคุย NPC แล้วก็ออกไปสู้ต่อ วนอยู่แบบนี้ไปจนจบเกม เป็นที่น่าเสียดายว่าตัวเกมน่าจะมีอะไรให้สำรวจมากกว่านี้หรือมีกิจกรรมให้ทำเยอะกว่านี้ เพราะแอบเสียดายการออกแบบฉากต่าง ๆ ที่ทำออกมาได้ดีและสวยงามมีเอกลักษณ์ไปตามพื้นที่นั้น ๆ
ส่วนด้านของการต่อสู้ที่น่าจะถือเป็นตัวความหวังของเกมนี้ก็กลายเป็นว่าระบบการต่อสู้ทำออกมาได้ครึ่ง ๆ กลาง ๆ การต่อสู้จะเหมือนกับเกม hack and slash ฟันแหลกใช้อาวุธผสมสกิลคอมโบและพลังพิเศษต่าง ๆ ซึ่งอย่างที่บอกว่า Effect แสงสีทำออกมาได้อลังการและท่วงท่าต่าง ๆ นั้นรวดเร็วว่องไวสุด ๆ โดยมีอาวุธให้เลือกใช้งาน 4 แบบ คือ ดาบ ดาบใหญ่ ทวนใบมีดคู่ และเคียว ซึ่งสามารถสลับใช้ในการทำคอมโบได้และหลัง ๆ จะมีเรื่องธาตุเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย นอกเหนือจากอาวุธกายภาพแล้ว Kaser ยังสามารถใช้พลังของ Arena ในรูปแบบของ Arena Powers ซึ่งเป็นความสามารถพิเศษที่มีทั้งผลในการโจมตีและลูกเล่นอื่นๆ เพื่อสนับสนุนการต่อสู้ การกดปุ่มก็ไม่ยากมีท่าโจมตีหนักเบา และการใช้พลังสกิลของ Arena ไปจนถึงการหลบหรือการโจมตีโต้กลับให้ถูกจังหวะ เอาจริงๆ เรื่องการต่อสู้ก็ถือว่ามันส์สะใจและเล่นได้เพลิน ๆ อยู่เหมือนกันนะ เพียงแค่ว่าบอสหรือศัตรูบางตัวมันอึดถึกเกินความจำเป็นจนกลายเป็นยิ่งสู้ยิ่งเหนื่อยไปซะอย่างงั้น
การพัฒนาความเก่งของตัวละครก็จะมีในเรื่องของการปลดล็อคอัปเกรดท่าของอาวุธชนิดนั้น ๆ ที่จะมีเป็น Skill Tree ให้เราได้เห็น กับเรื่องของการเลือกใส่ออปชั่นเข้าไปในอาวุธชิ้นนั้น ๆ เพื่อเพิ่มความสามารถ รวมถึงการใส่เครื่องประดับ แต่สิ่งที่แอบงงอีกอย่างก็คือตัวเกมไม่ใส่ระบบอัปเกรดอาวุธมาให้ตั้งแต่เริ่มจนหลายคนหงุดหงิดและงงว่าทำไมอาวุธมันเหมือนจะอัปเกรดขั้นได้แต่เกมไม่บอกวิธี? จนสุดท้ายเล่นจบเกมจึงสามารถปลดล็อคเรื่องการอัปเกรดอาวุธได้… เพื่อ… ก็ไม่รู้ว่าจะมีใครเล่นต่อหลังเนื้อเรื่องจบแล้วหรือไม่
สรุปภาพรวมของ Lost Soul Aside คือเกมที่ชัดเจนในเป้าหมายของการเอา Final Fantasy XV และ Devil May Cry มาเป็นแรงบันดาลใจ ซึ่งก็ได้มอบประสบการณ์การต่อสู้ที่มันส์สะใจ คัทซีนเวอร์วังสุดอลัง แต่อ่อนในด้านของเนื้อเรื่องและความครึ่ง ๆ กลาง ๆ ของมัน เกมขาดชีวิตชีวาของการสำรวจหรือผู้คน NPC ในเมือง ไปจนถึงบทพูดและความน่าสนใจอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากการต่อสู้ ในใจก็รู้สึกว่าถ้าเกมได้ขัดเกลาอีกหน่อยและใส่ความเป็นตัวของตัวเองเข้าไปบ้างมันอาจจะทำออกมาได้ดีกว่านี้ เอาเป็นว่าความสนุกของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ยังไงก็ลองไปโหลด Demo มาลองเล่นดูได้เพื่อการตัดสินใจครับ
No Game No Life !!