ถ้าพูดถึงเกมต่อสู้แนวไฟท์ติ้ง เกมแนวนี้จะไม่ค่อยมีออกมาให้เราได้เห็นกันอยู่บ่อยนัก ซึ่งล่าสุดทาง Arc System Works และ Bandai Namco Entertainment ก็ได้ส่งเกมต่อสู้ภาคใหม่ในซีรีส์ระดับตำนานอย่าง Guilty Gear -Strive- ออกมาให้พวกเราได้เล่นกันแล้ว แถมตัวเกมยังมาในกราฟิกสไตล์ที่แฟนๆ ชื่อนชอบแบบเซลเฉดที่ผสมระหว่าง 2D กับ 3D เข้าด้วยกันอย่างลงตัวอีกต่างหาก ซึ่งในวันนี้เราจะพาไปรีวิวรายละเอียดของเกมและความรู้สึกหลังจากได้เล่นเกมนี้มาฝากกันครับ
โหมด Story และกราฟิก
อย่างที่ได้บอกไปแล้วว่ากราฟิกในเกมนี้จะเป็นแบบเซลเฉดที่ผสมระหว่าง 2D กับ 3D แต่งานภาพที่ได้มานั้นใกล้เคียงมากๆ กับภาพแบบอนิเมะ ซึ่งมันเป็นอะไรที่ดีมากๆ สำหรับคนชอบเกมต่อสู้แบบ 2D แนวระนาบด้านข้างในอดีต ทั้งการออกแบบตัวละคร การเคลื่อนไหว ท่วงท่า รวมไปถึงการใช้ท่าพิเศษที่ดูดีมาก ส่วนตัวถือว่าผ่านสำหรับเรื่องกราฟิกเพราะเป็นคนชอบเกมต่อสู้สไตล์ภาพแบบนี้อยู่แล้ว มันให้ความคลาสสิกและทันสมัยอย่างลงตัว นอกจากนี้จุดเด่นอีกอย่างของเกมนี้ในโหมด Story มันจะเป็นเรื่องราวจริงๆ ที่ทำออกมาเป็นการ์ตูนอนิเมะให้เราได้นั่งดูกันแบบยาวๆ ไม่ต้องเล่นหรือบังคับอะไรเลย โดยแต่ละตอนจะมีความยาวประมาณ 20 นาที แต่ในระหว่างดูเราสามารถที่จะกดพักเพื่อหยุดเข้าไปดูรายละเอียดของตัวละครแต่ละตัวกับไทม์ไลน์ของเรื่องได้อีกด้วย
เกมเพลย์
มาพูดถึงในส่วนของการเล่นกันบ้าง แน่นอนว่ามันเป็นเกมไฟท์ติ้งก็ต้องเน้นเรื่องการต่อสู้กันอยู่แล้ว โดยการกดปุ่มหรือองค์ประกอบต่างๆ จะค่อนข้างเหมือนกับเกม BlazBlue ของค่ายนี้อยู่แล้ว แต่ Guilty Gear -Strive- มีการกดปุ่มท่าที่ดูจะลึกและมีอะไรให้ทำมากกว่า การกดปุ่มไม่ได้ทำง่ายเหมือนเกมทั่วไปแต่ต้องใช้ความสามารถอยู่พอสมควรในการกดคอมโบ ยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้าเป็นบางเกมจะใช้การกดปุ่มนึงหรือสองปุ่มเพื่อใช้ท่าพิเศษได้ง่ายๆ แต่สำหรับเกมนี้ให้นึกถึงเกมต่อสู้แบบดั้งเดิมที่ต้องใช้การเอาจอยใส่ในเสื้อเพื่อถูๆ ให้ออกมาเป็นท่า อะไรประมาณนั้น ซึ่งแน่นอนว่าในเกมจะมีให้เราได้ฝึกท่าหรือกดดูเมนูคอมมานด์ท่าต่างๆได้ แต่บอกไว้เลยว่าจะกดคอมโบสวยๆ แล้วจบด้วยท่าพิเศษนั้นเป็นอะไรที่ยากใช้ได้ ในเกมมีระบบ Counter โดยการใช้เกจ Burst ระเบิดพลังรอบตัวเพื่อใช้เอาตัวรอดในการหลุดจากคอมโบของฝ่ายตรงข้ามได้ แต่เหมือนเกจนี้จะขึ้นค่อนข้างช้า
สรุป
Guilty Gear -Strive- ยังคงเป็นเกมต่อสู้ที่น่าสนใจและทำให้หวนคิดถึงภาคเก่าในอดีต ในภาคใหม่นี้ยังได้คุณ Daisuke Ishiwatari มารับหน้าที่ในการพัฒนาจึงทำให้ใครที่คิดถึงการต่อสู้ไปพร้อมกับเพลงร็อคหนักๆ มันส์ๆ รับรองว่าจะต้องถูกใจ ยิ่งถ้าใครเล่นบน PS5 ด้วยรับรองว่างานภาพคมชัดและเกมเพลย์ลื่นไหลสุดๆ จะเอาไปเล่นคนเดียวฝึกฝีมือแล้วค่อยท่องโลกกว้างในโหมดออนไลน์ก็สามารถทำได้ ที่สำคัญมีการออกแบบล้อบบี้ห้องรอเอาไว้ได้แบบมีลูกเล่นน่าสนใจจริงๆ ช่วงนี้โปรเพลย์เยอร์สายต่อสู้ให้ความสนใจเกมนี้กันพอสมควร ใครที่สนใจก็ไปหาซื้อมาเล่นกันได้แล้ววันนี้
นักเขียนยุคบุกเบิกที่เล่นเกมมันทุกแพลตฟอร์ม เล่นทุกวัน เล่นมันทุกแนววววว