เพิ่งมีโอกาสได้ลองเข้าไปวัดฝีมือในเกมต่อสู้สุดเดือดที่วางจำหน่ายมาซักระยะแล้วอย่าง Fatal Fury: City of the Wolves เกมที่มีตัวละครที่คาดไม่ถึงอย่างพี่ Ronaldo R7 ที่เป็นนักฟุตบอล และเร็วๆ ยังจะมีพี่ Ken จาก Street Fighter มาเพิ่มอีก เลยเหมาะมากๆ ที่จะเข้าไปเล่นดู วันนี้ก็เลยจะมารีวิวตัวเกมกับความรู้สึกหลังจากที่ได้ลองเล่นไปแล้วให้อ่านกัน
Fatal Fury: City of the Wolves เป็นการกลับมาอีกครั้งของเกมต่อสู้ในซีรีส์ Fatal Fury ที่น่าจะห่างหายไปจากวงการร่วม 20 กว่าปีเลยก็ว่าได้ ส่วนตัวจำได้สมัยก่อนถือเป็นเกมต่อสู้ที่มีให้เล่นกันเยอะมากในแบบตู้อาเขตตามห้าง ซึ่งตอนนี้ทาง SNK ก็ปลุกชีพขึ้นมาสานต่อสังเวียนกันอีกครั้งในปี 2025 นี้ โดยมาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงมากมาย ไม่ว่าจะพวกกราฟิก ระบบการเล่น และรูปแบบที่เข้าถึงแฟนเกมหน้าใหม่ๆ ด้วย
Fatal Fury: City of the Wolves สานต่อเรื่องราวหลังจากเหตุการณ์ใน Garou: Mark of the Wolves โดยเน้นไปที่ ร็อค ฮาวเวิร์ด ลูกชายของกีส ฮาวเวิร์ด ที่ถูกเทอร์รี่ โบการ์ดรับเลี้ยงและฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ หลังจากกีสเสียชีวิต ตัวละครอย่างเคน เฮนไลน์และคนอื่นๆ เริ่มเคลื่อนไหวอยู่เบื้องหลังเพื่อเข้าควบคุมเซาท์ทาวน์ และมีการจัดทัวร์นาเมนต์ King of Fighters ขึ้นมาอีกครั้ง โดยมีมรดกของกีสเป็นเดิมพัน ซึ่งรวมถึง “Sacred Scrolls of Jin” ที่มีความลับเกี่ยวกับการครอบครองของบรรพบุรุษตระกูล Jin ที่ร็อคเองก็มีสายเลือดนั้นอยู่ด้วย
การเล่าเรื่องภายในเกมนั้นถ้าใครที่เคยเล่นเกมต่อสู้มาจากสมัยก่อนจะรู้กันดีอยู่แล้วว่าเนื้อเรื่องจะอยู่กับพวกตัวละครหลัก ส่วนการเล่นตัวละครอื่นๆ ไปด้วยก็จะเป็นการเสริมเนื้อเรื่องและเล่าในมุมมองของแต่ละตัวไป ซึ่งบางตัวก็จะไม่เกี่ยวอะไรกันเลย แถมบางตัวก็อาจจะมีแจมเปลี่ยนเรื่องราวไปบ้าง ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนเองโดยปกติแล้วก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรมากกับเนื้อเรื่องของเกมต่อสู้อยู่แล้ว บอกได้คำเดียวว่าอย่าไปคาดหวังอะไรกับเนื้อเรื่องหรือการเล่าผ่านตัวละครแต่ละตัวของเกมนี้ โดยเฉพาะผู้เล่นหน้าใหม่อาจจะงงๆ กับที่มาที่ไปของตัวละครได้แม้จะมีการเล่าสรุปให้แต่ละตัวแล้วก็ตามที แต่สำหรับแฟนเก่าๆ น่าจะพอใจกับการเห็นเรื่องราวของตัวละครต่างๆ เดินหน้าต่อหลังจากที่หายไปนาน 20 กว่าปี
โหมดการเล่นในส่วนเนื้อเรื่องจะเป็นโหมด EOST หรือ Episode of South Town ที่จะให้เราได้เลือกเล่นตัวละครแต่ละตัวแยกเนื้อเรื่องเป็นส่วนของตัวนั้นๆ ไป ซึ่งจะเล่าเกี่ยวกับเรื่องราวก่อนการแข่งขัน King of Fighters ครั้งใหม่ โดยจะมีแผนที่เมืองและจุดต่างๆ ให้เข้าร่วมต่อสู้ ผ่านการพูดคุยสนทนาระหว่างเรากับ NPC มีการทำภารกิจ มีการสู้บอสประจำพื้นที่ แต่จะไม่ได้ลงไปเดินในเมืองจริงๆ เหมือนกับเกมต่อสู้อื่น ใช้แค่การบังคับเลื่อนจุดไปมาเท่านั้น ซึ่งหากชนะก็จะได้ EXP เพื่อเพิ่มเลเวลตัวละครกับปลดล็อคพวกท่ากับของต่างๆ ด้วย ส่วนตัวผู้เขียนไม่ค่อยปลื้มกับการเล่นในโหมดนี้ซักเท่าไหร่เพราะมันดูน่าเบื่อจนเกินไป ทั้งการคุยกับ NPC ไปเรื่อยๆ การเล่นจุดไปยังตำแหน่งต่างๆ เพื่อสู้แล้วเก็บเลเวล มันวนๆ อยู่แค่นี้เลย และที่หนักกว่าคือบางภารกิจมีเงื่อนไขที่ยุ่งยากอีกด้วย
ส่วนโหมดอื่นๆ ก็ตามเกมต่อสู้ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นแบบ single-player สู้กับ Ai โหมด Versus, Arcade หรือการฝึกฝนต่างๆ ไปจนถึงแบบออนไลน์สู้กับผู้เล่นคนอื่น ซึ่งเกมมีรองรับการเล่นแบบ cross-platform เต็มรูปแบบด้วย มีทั้ง Ranked Match, Casual Match, และ Room Match แถมยังมีให้สู้กับร่างโคลน Ai ของผู้เล่นคนอื่นให้โหลดมาวัดฝีมือได้อีกต่างหาก
ทางด้านของตัวละครก็มีทั้งนักสู้หน้าเก่า หน้าใหม่ และตัวที่จะตามมาจาก DLC อีกหลายคน นับรวมๆ แล้วก็ 22 คน ซึ่งไปสะดุดกับตัวละคร Preecha ที่เป็นนักมวยไทย ชื่อก็ไทยสุดๆ แต่เป็นตัวละครนักสู้หญิง?? เท่านั้นยังไม่พอจากที่เกริ่นไปแล้วยังมี Ronaldo R7 ที่เป็นนักฟุตบอลชื่อดังก็มากับเค้าด้วย ซึ่งแน่นอนมีเลือกเล่นเนื้อเรื่องในโหมด EOST ได้เช่นกัน ใครอยากรู้เป็นไงก็ไปลองเล่นดูได้
ระบบการต่อสู้ที่ถือเป็นจุดเด่นในภาคนี้คือ REV System ระบบการต่อสู้ที่ออกแบบมาให้มีความลื่นไหลและตอบสนองได้ดี เพิ่มความลึกในการเล่นด้วยเทคนิคและกลยุทธ์ที่หลากหลาย มี REV Gauge เป็นเกจพลังที่อยู่ด้านล่างของหน้าจอ จะค่อยๆ เพิ่มขึ้นเมื่อผู้เล่นโจมตีหรือถูกโจมตี เมื่อเกจเต็มผู้เล่นสามารถใช้ท่าไม้ตายพิเศษ หรือท่าพิเศษที่เรียกว่า REV Power ได้ หรือเปิดโหมด REV Heat ที่เพิ่มความรุนแรงในการโจมตีชั่วคราวได้ แต่ถ้าใครไม่อยากปวดหัวกับปุ่มกดเกมก็ใจดีกับผู้เล่นใหม่ด้วยการเปิดให้สามารถเลือกสไตล์ในการกดปุ่มได้มี 2 แบบคือ Arcade Style ที่ต้องกดคอมโบท่าทางทุกอย่างเองเหมือนปกติ กับอีกอันคือ Smart Style ที่จะช่วยให้กดท่าและออกคอมโบกับใช้ท่าไม้ตายได้ง่ายๆ ด้วยการกดเพียงไม่กี่ปุ่มเท่านั้น โดยเฉพาะคอมโบนี่กดปุ่มเดียวย้ำรัวๆ เลยก็ยังได้
สรุปภาพรวม Fatal Fury: City of the Wolves เป็นเกมต่อสู้ที่ผสมความคลาสิกสมัยตู้เกมอาเขตกับสไตล์การเล่นแบบสมัยใหม่ได้เป็นอย่างดี เพียงแต่พวกการเล่าเรื่องหรือโหมดเนื้อเรื่องดูจะทำได้ไม่ดีเท่าไหร่ ภาษาของเกมที่รองรับภาษาไทยก็มีแปลกับสำนวนแปลกๆ ให้ได้เห็นอยู่บ้าง เกมแม้จะใส่ Smart Style มาเพื่อให้ผู้เล่นหน้าใหม่ๆ ได้เล่นกันง่ายขึ้นก็ตาม แต่กลับรู้สึกเหมือนมันทำให้ความสนุกและความท้าทายของเกมเปลี่ยนไป ยังไงตัวเกมก็ถือว่าเป็นเกมต่อสู้ที่คอไฟท์ติ้งน่าจะชอบ รัวคอมโบแล้วนึกถึงความหลัง กับโหมดการเล่นออนไลน์ถือว่าทำได้ลื่นไหลเลยทีเดียว
นักเขียนยุคบุกเบิกที่เล่นเกมมันทุกแพลตฟอร์ม เล่นทุกวัน เล่นมันทุกแนววววว