ประสบความสำเร็จอย่างมากกับเกม Escape Simulator การนำประสบการณ์ของ “ห้องหลบหนี” (escape room) แบบจริงๆ มาสู่เกม ล่าสุดทางทีมพัฒนา Pine Studio ก็ส่งภาคต่ออย่าง Escape Simulator 2 มาให้ผู้เล่นได้สนุกและปวดหัวไปกับการแก้ปริศนาในห้องหลบนีกันอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้ยกระดับในความสมจริงทั้งด้านกราฟิกและปริศนาต่างๆ ขึ้นไปอีกขั้น
Escape Simulator 2 ยังคงสานต่อการเล่น “ห้องหลบหนี” (escape room) ในมุมมองบุคคลที่ 1 ทั้งการเล่นคนเดียวและแบบร่วมมือ (Co-op) พร้อมเครื่องมือให้ผู้เล่นสามารถที่จะสร้างห้องของตัวเองด้วย Room Editor 2.0 และแชร์ให้กับผู้เล่นคนอื่นๆ ทั่วโลกได้ เป้าหมายในการเล่นก็คือเราจะต้องหาทางออกจากห้องให้ได้ด้วยการสำรวจและใช้สิ่งที่อยู่รอบตัวเราให้เป็นประโยชน์นั่นเอง
ในด้านของงานภาพกราฟิกที่ยกระดับขึ้นนั้น ทางทีมพัฒนาเลือกหันมาใช้สไตล์ภาพที่จริงจังขึ้น เมื่อเทียบกับภาคแรกที่มีโทนสดใสและดูเป็นการ์ตูนมากกว่า มีการใช้เอนจินแสงและเงาที่ดีขึ้นเพื่อสร้างบรรยากาศ เช่น ห้องปราสาทกอธิกที่ใช้เงาเข้ม ๆ หรือฉากยานอวกาศที่ให้ความรู้สึกลึกลับ พวกวัตถุภายในห้องได้รับการออกแบบให้มีรายละเอียดมากขึ้น พื้นผิวหรือ textures มีความคมชัดขึ้น สิ่งแวดล้อมมีองค์ประกอบมากกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ห้องในธีมต่างๆ มีความสวยงามและรายละเอียดที่สูง เพื่อให้เรามีความรู้สึกว่าได้เข้าไปอยู่ในห้องนั้นจริงๆ
โดยห้องซึ่งเป็นธีมฉากสำหรับการหลบหนีในภาคนี้ เบื้องต้นมีทั้ง ปราสาทแบบกอธิค (Dracula’s Castle) ไปจนถึงยานอวกาศ (Starship EOS) และโจรสลัด (The Cursed Treasure) ทั้งนี้ในแต่ละธีมก็จะมีห้องแยกย่อยออกไปอีก 4 ห้อง รวมเป็น 12 ห้องให้เราได้ทำการหลบหนี ซึ่งแน่นอนว่าจะมีการอัปเดตกับเพิ่ม DLC เข้ามาอีกแน่นอนในอนาคต
ตัวเกมเปิดโอกาสให้เราสามารถที่จะเล่นแบบคนเดียวหรือเล่น Co-op กับเพื่อนได้ มีรองรับโหมดออนไลน์ร่วมกับผู้เล่นได้สูงสุด 8 คน โดยผู้เล่นสามารถช่วยกันสำรวจ แบ่งหน้าที่ และสนุกไปกับการไขปริศนาแบบทีมได้ ซึ่งหลังจากที่ได้ลองเล่นไปดูแล้ว ต่อให้เล่นคนเดียวก็ยังได้ประสบการณ์ดีๆ ทั้งความสนุก ความตื่นเต้น และความปวดหัวไปในเวลาเดียวกัน อย่างไรก็ตามความสนุกจะยิ่งเพิ่มขึ้นแน่นอนเมื่อได้เล่นกับเพื่อนหลายคน (แต่คิดว่าตัวเกมนั้นเหมาะกับการเล่น 2-4 คนเสียมากกว่า) ส่วนตัวแล้วพบว่าปริศนาบางอย่างนั้นยากใช้ได้ กว่าจะหาเจอหรือเชื่อมโยงปริศนาต่างๆ เข้าด้วยกันได้เล่นเอาเหงื่อตกเลยทีเดียว แถมถ้าใครเล่นแบบจับเวลาก็ยิ่งสร้างความท้าทายเข้าไปอีก
สำหรับ Room Editor 2.0 เครื่องมือสร้างห้องที่เกมให้มาก็ถือว่าเป็นอะไรที่น่าสนใจ หากใครชอบสร้าง คิดปริศนาต่างๆ มีไอเดียเป็นเลิศก็สามารถไปใช้งานในการสร้างห้องหลบหนีของตัวเองและแชร์กับคอมมูนิตี้หรือไปลองเล่นห้องของคนอื่นก็ได้เช่นกัน
สรุปภาพรวม Escape Simulator 2 เหมาะสำหรับแฟนเกมแนวปริศนาหรือผู้ที่ชื่นชอบในการเล่น “ห้องหลบหนี” (escape room) ภาคนี้มีกราฟิกที่สมจริงขึ้นและปริศนาที่ละเอียดกับท้าทายขึ้น เพียงแต่ในช่วงเปิดตัวยังรู้สึกว่าห้องมีให้เล่นน้อยไปซักนิดกับตัวเกมมีปัญหาในเรื่องของมุมกล้องบางจังหวะ รวมถึง UI และการหยิบจับต่างๆ ที่ยังติดขัดอยู่บ้าง ใครที่สนใจเกมแนวนี้อยากลบสมองก็สามารถไปหาซื้อมาเล่นกันได้แล้ววันนี้บน PC Steam
No Game No Life !!
