วางจำหน่ายมาให้ได้เล่นกันซักพักแล้วสำหรับเกมภาคต่ออย่าง Dragon’s Dogma II จากค่าย Capcom ซึ่งส่วนตัวแล้วผู้เขียนเพิ่งมีโอกาสได้เล่นไปจนจบ วันนี้ก็เลยจะขอมารีวิวรายละเอียดของเกมนี้บวกกับความรู้สึกในการเล่นให้ได้อ่านกันเหมือนเช่นเคยครับ
ก่อนอื่นต้องบอกตรงๆ เลยว่าในช่วงเริ่มต้นที่ได้ลองเล่น Dragon’s Dogma II แอบงงๆ กับหน้าเมนูหลักในการเข้าเกมที่ไหง Capcom ใส่โลโก้เกม Dragon’s Dogma มาแบบเพียวๆ ไม่มีเลข 2 ตามมาซะงั้น แถมการเล่นในช่วงแรกก็ยิ่งตกใจเข้าไปอีกว่าทำไมการเล่นพื้นฐานภายในเกมนั้นเรียกว่าแทบจะยกมาจากภาคแรกแบบเกือบทั้งหมด แต่ยอมรับว่าพอยิ่งเล่นไปยิ่งติด เล่นมันทั้งวัน จนสุดท้ายแล้วเล่นไปจนจบเกมกลายเป็นประทับใจมากว่าทีมงานเอางี้เลยเหรอ ซึ่งกลายเป็นว่าฉากจบของเกมนี้มีหลายแบบเข้าไปอีก!!
กราฟิกสวยงามสุดอลัง
Dragon’s Dogma II นั้นยกระดับกราฟิกของตัวเองในการพัฒนาด้วยการใช้ RE Engine ทำให้ภาพที่ออกมานั้นสวยงามและอลังการสุดๆ แม้ว่าในช่วงแรกที่วางจำหน่ายจะพาผู้เล่นปวดหัวกับปัญหาแฟรมเรท แต่ท้ายที่สุดทาง Capcom ก็มีอัปเดตแพทช์และทยอยแก้ไขปัญหาในหลายๆ ส่วนจนเป็นที่น่าพอใจขึ้น เรื่องของกราฟิกทั้งรายละเอียดฉาก อาวุธ ชุดอุปกรณ์ ไปถึงสภาพแวดล้อมหรือแสงเงา Effect ต่างๆ จัดว่าดูดีและให้อารมณ์ของความเป็นเกมแฟนตาซีได้อย่างดีเลยทีเดียว โดยเฉพาะเรื่องแสงเงากับบรรยากาศของกลางวันกลางคืนนี่ชอบมากๆ ล่าสุดก็มีให้ปรับเรื่องเปิดปิดค่ากราฟิก กับพวก Ray-tracing ได้แล้ว ก็ทำให้เกมน่าเล่นขึ้นมาก
เรื่องราวสุดเข้มข้น
สำหรับเรื่องราวใน Dragon’s Dogma II ทางทีมงานระบุว่าเป็นคนละเหตุการณ์หรือช่วงเวลาต่างจากภาคแรก แต่ยังกลาวถึง Arisen เหล่านักรบผู้ถูกมังกรช่วงชิงหัวใจที่ต้องออกเดินทางตามไล่ล่ามังกร และตามหาเอาหัวใจกลับคืนมา ผ่านการผจญภัยสำรวจโลกกว้าง และเจอเรื่องราวอีกมากมายในระหว่างทาง ซึ่งจริงๆ เควสท์เนื้อเรื่องหลักดูเหมือนจะสั้นๆ แต่รายละเอียดปลีกย่อยหรือเควสท์เสริมต่างๆ ที่จะเป็นตัวประสานเนื้อเรื่องหรือให้พวกข้อมูลปลีกย่อยนั้นมีเยอะมากๆ โดยภาคนี้เริ่มต้นเราจะได้เล่นเป็นทาสนิรนามที่โดนขังและต้องทำงานใช้แรงงานในเหมือง ซึ่งวันนึงมีโอกาสหลบหนีจากคุกและต้องพบเจออะไรอีกมากมายในฐานะ Arisen คนใหม่
คลาสอาชีพอันหลากหลาย
สำหรับคลาสอาชีพหรือที่เกมเรียกว่า Vocation ซึ่งผู้เล่นสามารถสร้างตัวละครในตอนเริ่มเกมจะมีอยู่ด้วยกัน 4 คลาสคือ Archer, Fighter, Mage และ Thief ซึ่งในช่วงหลังจะสามารถที่จะเลือกเปลี่ยนไปเล่นคลาสอื่นๆ ได้อีกโดยจะมาทั้งในรูปแบบของการปลดล็อคจากการทำเควสท์ หรือเนื้อเรื่อง ซึ่งจะมีเพิ่มมาอีก 6 คลาสคือ Warrior, Sorcerer, Trickster, Warfarer, Mystic Spearhand และ Magick Arcer ซึ่งแต่ละคลาสก็จะมีพวกอาวุธ สกิล และความสามารถที่แตกต่างกัน โดยผู้เล่นสามารถเปลี่ยนไปมาได้ตลอดผ่านการคุยกับ NPC นั่นเอง ซึ่งในส่วนนี้ผู้เขียนชอบมากเพราะมันเหมือนกับเราได้ลองเล่นในหลายๆ สาย ลองอะไรใหม่ๆ ไปเรื่อยทำให้ไม่เบื่อ
อย่างไรก็ตามตัวเกมจะมีระบบ Pawn เหมือนกับในภาคที่แล้วซึ่งเป็นเหมือนกับ NPC ที่ควบคุมโดย AI คอยเดินทางไปกับเราและคอยช่วยเหลือในการต่อสู้ สนับสนุน ฮีล นำทางเควสท์ เก็บของ เป็นต้น ซึ่งเราสามารถที่จะใช้คำสั่งง่ายๆ ในการควบคุมได้เช่น สั่งให้มาช่วย สั่งให้มารวม หรือลุยไปข้างหน้า ซึ่ง Pawn นั้นเราสามารถสร้างขึ้นมาเองและเลือกอาชีพให้ได้หนึ่งตัว ส่วนอีก 2 ตัวที่เหลือจะต้องไปหาจ้างเอาอีกที บอกเลยว่าไปกัน 4 คน เป็นปาร์ตี้บรรเทิงทั้งเกมกันไปเลย
เกมเพลย์แอคชั่นสุดมันส์
อย่างที่บอกไปแล้วเกมนี้มีให้เราเลือกคลาสเล่นได้หลากหลายและเปลี่ยนไปมาได้ตลอดมันทำให้เราสนุกไปกับแอคชั่นการต่อสู้ ค้นหาแนวทางและสไตล์ที่ใช่ได้อย่างอิสระ ซึ่งการต่อสู้ถ้าใครที่เคยเล่นภาคแรกมาก่อนก็จะปรับตัวได้ไม่ยากเพราะแทบจะเหมือนเดิมทุกอย่าง รวมถึงระบบการปืนเกาะศัตรูตัวใหญ่ๆ เพื่อไต่ขึ้นไปเสียบก็ยังคงมีอยู่เช่นเดิม การต่อสู้ของเกมนี้เป็นอะไรที่มันส์มากพอๆ กับเล่นมอนฮัน เพราะเน้นสมจริงและต้องใช้การคิดการวางแผนอยู่พอสมควร จะบุกไปแบบดื้อๆ ไม่ได้ และเรื่องของสภาพแวดล้อมก็สำคัญ โดยเฉพาะกับการสู้กับศัตรูขนาดใหญ่ นอกจากนี้เราสามารถยกก้อนหิน ใช้ป้อมธนู หรือของอื่นๆ ในฉากมาช่วยต่อสู้ได้เช่นกัน
แผนที่อันกว้างใหญ่และการเดินทางแสนลำบาก
ในภาคนี้ดูเหมือนว่าทางทีมพัฒนาจะขยายโลก Open World ให้ใหญ่กว่าภาคแรก 3-4 เท่า ซึ่งจริงๆ มันเป็นเรื่องดี แต่สำหรับผู้เล่นกลายเป็นว่ามันคือเรื่องน่าเบื่อของเกมนี้ไปทันที เพราะระบบการเดินทางเอย ระบบ Fast Travel เอย มันช่างมีจำกัดและลำบากชีวิตสุดๆ แถมการเดินทางด้วยสองเท้าของเราก็มีเรื่องค่าสตามิน่ากับเรื่องน้ำหนักในการแบกของเข้ามาเกี่ยวอีก ทำให้กลายเป็นว่าจะไปเมืองไหนทีเดินกันขาลาก ปวดกบาลสุดๆ หินวาร์ปเองก็มีน้อยมากกกก หายากมากกกก ก็รู้อยู่หรอกว่าทีมพัฒนาอยากจะให้เราได้แวะข้างทางเก็บเกี่ยวความสนุก สำรวจความน่าสนใจ แต่กลายเป็นว่าถ้าใครที่ไม่ชอบตรงนี้ก็จะพาเลิกเล่นกันไปเลย
นอกจากเรื่องแผนที่การเดินทางแล้ว อีกอย่างที่ลำบากชีวิตสุดๆ ก็คือเรื่องเควสท์ เพราะนอกจากจะต้องเข้าใจภาษาอังกฤษในระดับที่ดีแล้ว รายละเอียดขั้นตอนการทำต่างๆ เรายังต้องศึกษา คิดเอง ตีความเอาเอง คลำทางหาเอาเอง NPC บางตัวดันมีหลอกเราอีก เล่นเอาปวดหัวไปหลายตลบ ลำพังเดินทางไปมาระหว่างเมืองก็ยากอยู่แล้ว เห้ออ..ชีวิต ใครติดจริงๆ แนะนำหาเปิดคลิปเอาโลด
สรุปภาพรวม
Dragon’s Dogma II ถือเป็นเกม Action RPG Open World ที่น่าสนใจ แต่อาจจะไม่เหมาะกับผู้เล่นทุกคน ใครที่ชอบภาคแรกมีพื้นฐานการเล่นมาก่อน เชื่อว่าน่าจะสนุกและชอบกับภาคต่อของซีรีส์นี้ เพราะมันมีรายละเอียดปลีกย่อยมากมายให้เราได้สนุกท้าทาย กับมีเรื่องราวหรือความลับบางอย่างให้ได้ค้นหา แต่ถ้าใครที่ไม่ชอบเกมช้าๆ ต้องอ่านตีความเควสท์ หรือเบื่อกับเกมที่ต้องเดินเท้าระยะไกลๆ ในแผนที่โลก ก็อาจจะเล่นแล้วเครียดมากกว่าสนุก แต่ส่วนตัวแล้วผู้เขียนเองแม้จะมีบ่นไปเยอะแต่ก็ถือว่าชอบในระดับหนึ่งจนถึงกับเล่นจบอ่ะคิดดู!! เอาเป็นว่าใครที่สนใจก็สามารถไปหาซื้อมาเล่นกันได้ทั้งบนพีซีและคอนโซลครับ
นักเขียนยุคบุกเบิกที่เล่นเกมมันทุกแพลตฟอร์ม เล่นทุกวัน เล่นมันทุกแนววววว