หลังจากที่ Hearthstone ได้รับการแปลเป็นภาษาไทย ก็เห็นตัวเกมมีกระแสมาแรงมาก เพราะตัวเกมทำให้ผู้ที่ไม่เคยเล่นเกมก็สามารถเข้าถึง การเล่นเกมการ์ดกันได้เลย ในฉบับนี้เราก็จะมาต่อกับคำแนะนำสำหรับผู้เล่นมือใหม่ ว่ามีอะไรที่ควรทำบ้างนั่นเอง ส่วนคำแนะนำในส่วนแรกสามารถเข้าไปดูกันได้ที่ https://compgamer.com/7661
แนะนำการ์ดเริ่มต้นที่ควรใช้ สำหรับมือใหม่สายฟรี
สำหรับมือใหม่เลยและยิ่งเป็นสายฟรี ที่ไม่ค่อยมีการ์ดให้เลือกใช้งานมากเท่าไหร่นัก การเลือกการ์ดเท่าที่มีอยู่ในเกิดประสิทธิภาพสูงสุดจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น และอีกหนึ่งอย่างก็คือ การ์ดเหล่านั้นจะต้องมีเงื่อนไขในการใช้ที่ง่าย และเหมาะสมสำหรับมือใหม่ด้วยนั่นเอง ก่อนอื่นขอเริ่มจากพื้นฐานเล็กน้อย ตรงที่ว่าดูการ์ดอย่างไรว่ามันคุ้มค่าหรือไม่ ก็จะมีวิธีดูง่ายๆ ก็คือ ให้เอาพลังโจมตี + เลือดของมัน แล้วหารด้วย 2 หากรวมกันแล้เกินค่ารายของตัวมันเอง แปลว่าการ์ดนั้น คุ้มค่าพอที่จะจัดลงใน Deck แล้ว (ยังไม่นับการดูความสามารถของการ์ด) ซึ่งการ์ดพวกนี้ก็จะมีอย่างเช่น แร็ปเตอร์, ครอคโคลิสค์, ปีศาจเมือกบึงกรด, โกเล็มเก็บเกี่ยว, นักรบโล่แห่งเซ็นจิน, เยติแห่งชิลวินด์ การ์ดพวกนี้ล้วนน่าใช้งานเป็นอย่างมาก แล้วค่อยนำมันไปจัดรวมกับการ์ดประจำอาชีพ
นอกจากนั้นการดู Deck List ตามเว็บไซต์ต่างๆ ซึ่งจะมีแนะนำเอาไว้ โดยใช้คำค้นหาว่า Hearthstone Deck f2p หรือจะเข้าไปหาดูที่เว็บ http://www.hearthpwn.com เลยก็ได้ จะมีมือโปรมาแนะนำการจัด Deck เอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็คือให้เราเลือกอาชีพที่ต้องการเล่น แล้วเข้าไปศึกษาดู Deck List ต่างๆ จัดให้เหมือน เสร็จแล้วก็ลองอ่านคำแนะนำในการเล่นดูด้วย (ส่วนใหญ่เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด) ช่วงแรกที่เล่นอาจจะลำบากสักหน่อย แต่มีคำแนะนำว่าควรเล่นอาชีพใดอาชีพหนึ่งจนชินแล้วค่อยเปลี่ยนอาชีพวนจนครบสักหนึ่งรอบ เพื่อให้คุ้มเคยกับทุกอาชีพในเกม
ทีนี้หลังจากพอคุ้นเคยกับ Deck และอาชีพที่ใช้กันบ้างแล้ว ก็อาจจะลองจัด Deck เองดูบ้างก็ได้ เพื่อเพิ่มความสนุกในการเล่น และได้ลองใช้แนวการคิดเป็นของตัวเอง จะทำให้เวลาเล่นรู้สึกสนุกมากขึ้นอีกด้วย โดยการจัด Deck แนะนำว่าเริ่มแรกให้ลองปรับจาก Deck ที่ใช้อยู่เป็นประจำ หาสิ่งที่เข้าไปทดแทนกัน ซึ่งการ์ดที่ทดแทนกันนั้น ควรจะเป็นการ์ดที่มีค่าร่ายเท่ากัน เพื่อทำให้เกิดความสมดุลในเรื่องของค่ามานาที่ต้องใช้ หลังจากปรับแล้ว สิ่งที่ต้องทำต่อมาก็คือการเข้าไปเล่น หลังจากเล่นจบประมาณ 1-5 เกม ก็ควรพิจารณาด้วยว่า ใน Deck ของเราขาดอะไรไปบ้าง เช่น หากการ์ดมีค่าร่ายน้อยเยอะมากเกินไป ช่วงท้ายเกมมักจะแพ้บ่อย ก็ให้เอาตัวค่าร่ายน้อยออกไปสัก 1-2 ตัว แล้วปรับเอาตัวค่าร่ายเยอะเข้ามาแทนเช่น ออเกอร์แห่งโบลเดอร์ฟิสท์, แชมป์เปี้ยนแห่งสตอร์มวินด์ เมื่อปรับแล้วก็ควรลองเข้าเล่นใหม่ ทำแบบนี้ซ้ำไปเรื่อย ภายใน Deck ของเราก็จะค่อยๆ ถูกปรับจนเติมเต็มและมีความสมดุลแล้วนั่นเอง ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับการเปิดการ์ดซองใหม่ ว่าจะมีการ์ดอะไรมาให้เราใช้เพิ่มมาก หรืออาจจะได้การ์ดที่ดีกว่าใบเดิมมาใช้แทนที่กันได้เลย เช่น นักมายากลมือมีด ใบนี้สามารถใช้แทน ครอคโคลิสค์, แร็ปเตอร์ ได้เลย โดยการใช้มานาเท่ากันที่ 2 หน่วย มีค่าพลังโจมตี + เลือด เท่ากัน แต่มันมีความสามารถเสริมเพิ่มเข้ามาด้วย จึงเป็นการ์ดที่ดีกว่านั่นเอง
โหมดผจญภัยคนเดียว กับการเปิดวิง
สำหรับโหมด “ผจญภัยคนเดียว” หรือ Adventure นั้น จะเป็นโหมดที่ให้เราเล่นแข่งขันกับ AI โดยเฉพาะ ซึ่งสิ่งที่เราจะพูดถึงนี้ไม่นับรวมกับ โหมดฝึกฝน เราจะเห็นโหมดต่างๆ อีก 3 โหมดด้วยกันก็คือ League of Explorers, Blackrock Mountain และ Naxxramas เมื่อกดเข้าไปแล้วจะเห็นว่า แต่ละด่านนั้นจะต้อง ใช้เงินเพื่อเปิดสิทธิ์การเข้าเล่น หรือที่เรียกกันว่าเปิดวิงนั่นเอง แต่ละวิงจะราคาที่ 6.99$ หรือ 700 Gold แต่หากซื้อแบบเหมารวมทีเดียวยกทั้งเซ็ท ก็จะราคาถูกลงมาพอสมควร ซึ่งงการเปิดวิงเหล่านี้และเคลียร์ด่านในแต่ละวิงได้ ก็จะได้รับการ์ดพิเศษที่มีเฉพาะในด่านต่างๆ เหล่านี้เท่านั้น หากใครสนใจเปิดแนะนำว่าควรเปิด League of Explorers ก่อน และไม่ควรเปิด Naxxramas เพราะมันจะตกรุ่นแล้ว แต่หากไม่ซีเรียสเรื่อง Gold ที่ต้องจ่ายเท่าไหร่ก็เปิด วิงทิ้งไว้สัก 1 วิงก็ได้
รีบเก็บเลเวล อาชีพใดอาชีพหนึ่งให้ถึง 20
หลังจากที่ได้เล่นบ่อยครั้งขึ้นก็น่าจะมีประสบการณ์ในการเล่นกันบ้างแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ควรต้องรีบทำเลยก็คือ การเก็บเลเวลอาชีพใด สักอาชีพหนึ่งให้ถึงเลเวล 20 เสียก่อน เพื่อปลดล็อคโหมด “เกมท้าประลอง” (Tavern Brawl) สำหรับโหมดนี้ จะมีความพิเศษตรงที่ว่า มันคือโหมดกิจกรรม ที่มีรูปแบบการเล่นเปลี่ยนแปลงไปทุกสัปดาห์ และการเล่นจะไม่เหมือนกันเลย ในบ้างครั้งอาจให้คุณจัด Deck ใหม่แบบเฉพาะ ตามเงื่อนไขที่กำหนด หรือบางครั้งอาจมี Deck เฉพาะที่ทางระบบจัดมาให้เรียบร้อยแล้ว เราเพียงแค่เข้าไปลุยได้เลย โดยแต่ละสัปดาห์ก็จะมีของรางวัลติดไม้ติดมือกันไปด้วย
สำหรับตอนนี้โหมด “เกมท้าประลอง” นี้ เป็นการแข่งขัน ศึกชิงยอดวายร้าย ระหว่าง เคลรูซาด กับ ราฟาน โดยตอนเล่นนั้นเมื่อเริ่มเกมเราจะสุ่มฝ่ายว่าจะได้ เคลรูซาด หรือ ราฟาน ทั้ง 2 ตัวนี้จะมีความสามารถไม่เหมือนกัน ตัวหนึ่งชุบอีกตัวหนึ่งเสก ส่วนของรางวัลก็จะได้รับแพ็คการ์ดคราสสิกมาเปิด 1 ซอง เมื่อชนะครั้งแรก
หากขยันพอ ใน 1 วันควรชนะ 30 เกม
เนื่องด้วย ทุกครั้งที่เราเล่นในโหมด “แข่งขัน” หรือ “เกมท้าประลอง” ที่ให้ระบบค้นสุ่มค้นหาคู่ต่อสู้ให้ หากเราชนะครบ 3 เกม จะได้รับมา 10 Gold ซึ่งเควสต์โบนัสในส่วนนี้จะถูกจำกัดสิทธิ์ แต่ละวันเราสามารถได้รับสูงสุดไม่เกิน 100 Gold นั่นเท่ากับว่า ต้องชนะให้ครบ 30 เกม เพื่อให้ได้รับ 100 Gold ตามจำนวนสูงสุดที่ระบบมอบสิทธิ์ให้นั่นเอง เท่ากับว่าหากเล่นได้เต็มที่ ไม่นับรวมเควสต์ประจำวัน ก็จะสามารถเปิดการ์ดได้ 1 ซอง
เราแนะนำเลยว่า หากคุณเป็นสายฟรี ควรจะต้องทำให้ได้ เพื่อมีโอกาสในการเปิดซองการ์ด จะได้รับการ์ดใหม่ๆ มาเติมเต็มให้ครบ มีตัวเลือกการจัด Deck ที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งซองที่น่าเปิดที่สุด สำหรับผู้เล่นใหม่ก็คือ ซองคราสสิค เนื่องด้วย ซองชนิดนี้ จะเป็นการ์ดพื้นฐานใช้งานได้ง่าย และไม่มีวันตกรุ่นเหมือนซองอื่นๆ ใช้ได้ยาว แต่หากเก็บคราสสิคได้ครบ หรือเยอะเพียงพอแล้ว ค่อยไปเลือกเปิดการ์ดในซองอื่นๆ ภายหลัง ซึ่งส่วนใหญ่แนะนำว่าควรเปิดคราสสิคอย่างต่ำที่ 40 ซอง
ลานประลอง
การเล่นในลานประลองแต่ละครั้ง เราจะต้องเสียเงิน 150 Gold หรือ 1.99$ ส่วนกติกาเล่นจะง่ายมาก เริ่มแรกจะสุ่ม 3 อาชีพให้เราเลือกเล่น จากนั้นก็จะสุ่มการ์ดมาให้เลือกเรื่อยๆ จนครบ 30 ใบ ที่เรียกช่วงนี้ว่าการ Draft หลังจากครบ 30 ใบแล้ว ก็จะเข้าสู่การต่อสู้กันจริงๆ โดยการเล่นระบบก็จะค้นหาคู่ต่อสู้ให้เองอัตโนมัติเช่นเดียวกับโหมด การแข่งขัน เมื่อเราแพ้ในโหมดนี้ครบทั้งหมด 3 ครั้ง ก็จะเป็นเสร็จสิ้นการเล่น และจะมีการแจกจ่ายรางวัลตามผลงานที่ทำได้ โดยดูจะสถิติการชนะ หากต้องการเล่นให้คุ้มค่า 150 Gold นั้น ควรชนะ 7 ตาขึ้นไป ก่อนจะแพ้ครบ 3 ครั้ง หรืออย่างน้อยก็ 5 ตา ก็จะพอเท่าทุนอยู่บ้าง ส่วนของรางวัลที่ได้รับก็คือ Gold, การ์ดแพ็ค, การ์ดทอง, การ์ดธรรมดา และ Dust ตามผลงานที่ทำได้ เพียงแต่ลานประลองนี้เหมาะสำหรับผู้เล่นในระดับกลางขึ้นมาแล้ว ไม่เหมาะสำหรับมือใหม่เท่าไหร่นัก เพราะเสีย 150 Gold แต่อาจจะชนะได้แค่เพียงไม่กี่ครั้ง เลยทำให้ไม่คุ้มค่ากับ Gold ที่จ่ายไปสักเท่าไหร่ แต่หากอยากลองเพื่อมาลับฝีมือ ก็เข้ามาลองเสี่ยงกันได้ นอกจากนั้นสำหรับวิธีการเลือกการ์ดต่างๆ จริงๆ แล้ว มันมีตัวช่วยอยู่เยอะมาก ถ้ามีเวลาเราจะมาเจาะรายละเอียดในภายหลังก็แล้วกัน