แพทช์นี้มีการเพิ่ม 2 สายอาชีพใหม่เข้ามานั่นก็คือ Bard และ Alchemist ซึ่งต้องบอกว่าการอัพเดทครั้งนี้ค่อนข้างเป็นกระแสให้เม้าท์กันมาก เพราะปกติเราจะเห็นการมาคู่กับของ Bard และ Dancer ซึ่งเป็นคู่หูดูโอ้กัน แต่ครั้งนี้สายอาชีพที่มากับ Bard กลายมาเป็น Alchemist แทน แน่นอนว่าการมาของ Bard ที่ขาดดูโอ้ และการเพิ่มสายอาชีพอย่าง Alchemist เข้ามา ส่งผลกระทบต่อการเล่นของผู้เล่นอย่างแน่นอน ส่วนจะส่งผลกระทบแบบไหนบ้างและอย่างไร เอาเป็นว่าในฉบับนี้เราไปดูบทวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงที่จะเพิ่มเข้ามากัน
Bard ที่ขาด Dancer ขาดเธอเหมือนขาดใจ!
สำหรับ Bard ที่ถูกสร้างมาให้คู่กับ Dancer เป็นคู่หูดูโอ้ ที่ไปไหนไปกันตลอดมา แต่ใครจะเชื่อว่าวันหนึ่งจะเห็นเพียงแค่ Bard ที่อัพเดทเข้ามาโดยไม่มี Dancer ตามมาด้วย แน่นอนว่าผลกระทบต่อผู้เล่นสายอาชีพนี้มีค่อนข้างสูงเลยทีเดียว เพราะเป็นสายอาชีพที่มีสกิลเงื่อนไขที่ต้องใช้คู่กันมากถึง 8 สกิล งานนี้ต้องบอกว่าเหมือนกินลอดช่องแต่ขาดน้ำกะทิยังไงยังงั้น ถามว่ากินได้ไหม ก็กินได้แต่จะขาดความหวานความมันส์และความเป็นลอดช่องแท้ๆ ไปนั่นแหละ (อารมณ์ประมาณนี้เลย)
ผลกระทบการเล่นและการเก็บเลเวล
จริงๆ แล้วสำหรับ Bard ถ้าพูดถึงเรื่องของการเก็บเลเวล ถ้าเป็นสายที่เน้นการอัพค่า DEX นำมาอยู่แล้วก็อาจจะเก็บเลเวลแบบโซโล่สบายๆ เลย เพราะมีสกิลช่วยโจมตีอย่าง Musical Strike ที่ความรุนแรงของดาเมจไม่แพ้สกิลอย่าง Double Strafing แต่ถ้าใครที่เน้นสายกิลด์วอร์ที่ต้องพึ่งพาปาร์ตี้ในการเก็บเลเวล อาจจะต้องลำบากหน่อยเพราะสกิลสนับสนุนปาร์ตี้ของ Bard จะหายไป 8 สกิลทันทีเมื่อไม่มี Dancer แต่ถึงอย่างนั้นก็มีสกิลที่ช่วยสนับสนุนปาร์ตี้อย่าง The Apple of Idun หรือ A poem of Brigi ที่ถือเป็นไม้เด็ดที่จะช่วยเหลือปาร์ตี้ได้เป็นอย่างดี
บทบาทของ Bard ในกิลด์วอร์
จริงๆ ต้องบอกว่า Bard ถ้าขาด Dancer ในกิลด์วอร์อาจจะแสดงพลังได้ไม่เต็ม 100% แต่ถึงอย่างนั้นก็มีสกิลยอดฮิตและสุดกวนที่ใครๆ ก็ต้องเกรงอย่าง Frost Joke สกิลที่จะแช่แข็งทุกอย่างที่อยู่ในระยะหน้าจอ และแน่นอนว่ารวมถึงเพื่อนในปาร์ตี้เราด้วย (แต่จะมีโอกาสแช่เพื่อนต่ำ) ถือว่าสกิลนี้เป็นพระเอกของงานเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นทั้งสกิลขัดจังหวะและก่อกวนได้แบบทั้งเกมรุกและเกมรับ แน่นอนว่าถ้าบวกกับสกิลสนับสนุนที่ใช้ได้อีก 3-4 สกิลถือว่าเป็นตัวซัพพอร์ตที่ดีในกิลด์วอร์เลย
ผลกระทบต่อราคาไอเทมในตลาด
ด้วยการที่ว่าสายอาชีพ Bard ไม่ได้เป็นสายอาชีพที่เน้นการโจมตีด้วยดาเมจอยู่แล้ว ไอเทมประเภทอาวุธและการ์ดเพิ่มดาเมจต่างๆ หรือไอเทมสวมใส่ราคาอาจจะไม่เพิ่มขึ้นเท่าไร เพราะสามารถใช้ร่วมกับ Hunter ได้ (ยกเว้นอาวุธ) แต่ไอเทมที่ราคาจะพุ่งสูงขึ้นก็จะเป็นประเภทการ์ดลดการติดสถานะต่างๆ อย่าง Marc Card และ Evil Druid Card ที่ป้องกันการติดสถานะแช่แข็งของสกิล Frost Joke ที่ราคาน่าจะขยับสูงขึ้นมาพอสมควร งานนี้บอกได้คำเดียวว่าใครมีเก็บไว้เยอะอาจจะรวยเอาแบบดื้อๆ เลยทีเดียว เพราะการติดแช่แข็งจาก Frost Joke นั้นเป็นอะไรที่โหดร้ายมาก
Alchemist นักเล่นแร่แปรธาตุจอมป่วน
การเพิ่มเข้ามาของอาชีพอย่าง Alchemist นั้น ต้องบอกว่าสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับการเล่นทั้งเก็บเลเวลและกิลด์วอร์ค่อนข้างเยอะ เพราะอาชีพนี้มีรูปแบบการเล่นที่หลากหลายแถมสกิลแต่ละสกิลก็ล้วนแล้วแต่ส่งผลค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นสายสร้างที่เป็นคลังเสบียงให้กิลด์ได้อย่างสบายๆ หรือแม้แต่สาย Homunculus ที่ช่วยเหลือในเรื่องของการต่อสู้ได้เป็นอย่างดี
ผลกระทบการเล่นและการเก็บเลเวล
การจะเล่น Alchemist ให้รุ่งได้นั้นอาจจะต้องใช้ต้นทุนในการเล่นค่อนข้างสูงสักหน่อย และการเก็บเลเวลของ Alchemist นั้นก็เรียกได้ว่ายากไม่แพ้ Blacksmist สายตีดาบเลยทีเดียว เพราะค่าสเตตัสที่จำเป็นกับ Alchemist จะมีเพียงแค่ INT VIT DEX และ LUCK เท่านั้น ซึ่งตอนเป็น Merchant อาจจะต้องคอยดูดเพื่อนหรืออาศัยเกาะปาร์ตี้เอา อาชีพรับจ้างดูดเลเวลก็อาจจะรุ่งเรืองในระยะหนึ่งเลยหล่ะ
บทบาทของ Alchemist ในกิลด์วอร์
ในกิลด์วอร์ต้องบอกว่า Alchemist นั้นน่ากลัวและป่วนไม่แพ้ Bard แถมยังเป็นสายสนับสนุนได้ไม่แพ้ Priest ไม่ว่าจะเป็น Alchemist สายปาขวดที่เน้นสกิลอย่าง Demonstration และ Acid Terror ที่ทำให้มีโอกาสทำลายเกราะของศัตรู แถมยังสร้างดาเมจได้มหาศาลอีก หรือจะเป็นสกิลอย่าง Potion Pitcher ที่โยนไอเทมประเภท Potion ให้เพื่อน ซึ่งความแรงในการฟื้นฟูแทบจะไม่ต่างจากการฮิลของ Priest เลย นอกจากนี้ยังมี Alchemist สายเคลือบที่ต้องมีอย่างน้อยกิลด์และ 2 คนเป็นอย่างต่ำ เพราะสายนี้ป้องกันการลูกทำลายของอาวุธและเกราะได้ ถือว่าเป็นหัวใจหลักในการลงกิลด์วอร์เลยนั่นเอง
ผลกระทบต่อราคาไอเทมในตลาด
อาชีพ Alchemist นั้นมีผลกระทบต่อราคาไอเทมในตลาดค่อนข้างสูงมากเลยทีเดียว เพราะด้วยสกิลที่มีทั้งสายสร้างและสายทำลายอยู่ในอาชีพเดียว ทำให้เกิดผลกระทบต่อไอเทมที่เกี่ยวข้องหลายๆ อย่าง
สายสร้าง
ในส่วนของ Alchemist สายสร้างนั้นแน่นอนว่าจำเป็นต้องใช้วัตถุดิบจำนวนมหาศาลทั้งการสร้างยา, สร้างมอนสเตอร์, สร้างยาเคลือบหรือแม้แต่การสร้าง Homunculus ล้วนแล้วแต่ใช้วัตถุดิบจำนวนมหาศาล นั่นหมายถึงความต้องการของไอเทมประเภทวัตถุดิบต่างๆ จะมีมากขึ้น แน่นอนว่าราคาก็จะขยับตามความต้องการด้วยเช่นกัน
สายทำลาย
สายทำลายก็จะเน้นการใช้สกิล Acid Terror ที่สามารถทำลายเกราะส่วนต่างๆ ของเป้าหมายได้ ซึ่งจุดนี้เองเพื่อหลีกเลี่ยงการโดนทำลาย หลายคนอาจจะต้องให้ Alchemist มาเคลือบให้ นั่นหมายถึงวัตถุดิบที่ต้องใช้เพิ่งขึ้น หรืออยากป้องกันแบบถาวรก็อาจจะหาการ์ดป้องกันการทำลายมาใส่ ทำให้การ์ดประเภทนี้มีราคาที่ขยับขึ้นมาอีกเล็กน้อย
โดยรวมแล้วไม่ว่าจะสายสร้างหรือสายทำลาย ไอเทมที่เป็นส่วนสำคัญที่อาจจะดีดราคาสูงขึ้นคือ ไอเทมวัตถุดิบต่างๆ ส่วนอุปกรณ์สวมใส่อาจจะใช้อันเก่าของพ่อค้าและมีการปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมมานิดหน่อย
ผลกระทบโดยรวมของทั้ง 2 อาชีพ
โดยรวมแล้วอาจจะต้องบอกว่าการทำสงครามกิลด์วอร์อาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนแผนกันใหม่พอสมควร เพราะไม่ว่าจะ Bard หรือ Alchemist ก็ล้วนแล้วแต่มีบทบาทสำคัญในกิลด์วอร์มาก เพราะเป็นได้ทั้งตัวป่วนชั้นดีและตัวสนับสนุนชั้นเยี่ยม แต่ละกิลด์จำเป็นต้องมีอย่างน้อยอาชีพละ 2 คนเป็นอย่างต่ำ
งานนี้อาจจะต้องมีการวางแผนเกี่ยวกับการลงกิลด์วอร์กันใหม่ เพราะถ้าไม่เตรียมรับมือกับสองสายอาชีพนี้ให้ดี ได้มีนอนวัดกันแน่นอน