แฟนๆ ซีรีส์ Digimon Story ต่างรอคอยกันมานานหลายปี และในที่สุด Bandai Namco Entertainment ก็ได้ปลุกตำนานนี้กลับมาอีกครั้งกับภาคใหม่ล่าสุดที่วางจำหน่ายไปเรียบร้อยแล้วกับ Digimon Story: Time Stranger เกม RPG ขนาดใหญ่ที่ผสมผสานทั้งการเล่าเรื่องเชิงลึก การต่อสู้เชิงกลยุทธ์ และความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับดิจิมอนอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เพราะว่านี่ไม่ใช่แค่การเดินทางในโลกดิจิทัล แต่เป็นการเดินทางข้ามเวลาที่จะพาเราย้อนกลับไปหาจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง และเผชิญหน้ากับอนาคตที่อาจไม่มีวันกลับมาเหมือนเดิมอีกต่อไป
เรื่องราวใน Digimon Story: Time Stranger เปิดฉากในโลก Neo Digital World โลกเสมือนที่วิวัฒนาการมาถึงจุดสูงสุดของเทคโนโลยี แต่กลับเริ่มพังทลายจาก Temporal Glitch หรือความผิดปกติของเวลา ผู้เล่นจะได้รับบทเป็น Ren ซึ่งเป็นตัวละครที่เราสามารถสร้างขึ้นมาในช่วงต้นเกมโดยการเลือกเพศได้ว่าจะเล่นเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง และเมื่อเราตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองสูญเสียความทรงจำในโลกดิจิทัล และได้พบกับ Chronomon ดิจิมอนลึกลับที่สามารถควบคุมพลังแห่งเวลาได้
ทั้งคู่ต้องร่วมมือกันเดินทางผ่านเส้นเวลา 7 ช่วงสำคัญในประวัติศาสตร์ของดิจิตอลเวิลด์ ตั้งแต่ยุคสงครามของดิจิมอนยุคแรก ไปจนถึงอนาคตที่ถูกกลืนกินด้วยไวรัสและ AI ที่ทรยศ ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และดิจิมอนคือหัวใจสำคัญของเรื่องนี้ และเกมก็ถ่ายทอดออกมาได้อย่างลึกซึ้งและอบอุ่น โดยระหว่างทาง ผู้เล่นจะได้พบกับเหล่าตัวละครเก่า ๆ ที่แฟน ๆ รู้จักจากภาคก่อนหน้า เช่น Takuto, Kyoko Kuremi, และแม้แต่ Digimon จากซีรีส์อนิเมะคลาสสิกก็มีบทบาทสำคัญในเส้นเรื่อง เรียกว่าสร้างความรู้สึกเหมือนการรวมจักรวาลดิจิมอนทั้งหมดไว้ในเกมเดียว บอกเลยว่าเล่นไปเรื่อย ๆ นี่ปลื้มปริ่มสุด ๆ
ในด้านงานภาพกราฟิก Digimon Story: Time Stranger ถือว่าเป็นภาคที่สวยที่สุดของซีรีส์ ส่วนตัวประทับใจตั้งแต่แรกเริ่มเลยทีเดียว ด้วยเอนจินใหม่ที่พัฒนาโดยทีมเดียวกับ Scarlet Nexus และ Tales of Arise ทำให้เกมสามารถแสดงผลในระดับ 4K 60FPS บน PlayStation 5 และ Xbox Series X ได้อย่างลื่นไหล แม้ว่ามันจะไม่ได้สวยงามอลังการสมจริงอะไรแบบนั้น แต่ด้านงานภาพที่มาในสไตล์อนิเมะก็ถ่ายทอดออกมาได้สวยงามและมีการใส่ใจในรายละเอียดมากยิ่งขึ้น ทั้งด้านของแสดงเงา สภาพแวดล้อม และฉากในเมืองอย่างย่านชิบูยาก็เรียกว่าแทบจะยกจำลองจากของจริงมากันเลย
ดังนั้นสิ่งที่โดดเด่นที่สุดด้านงานภาพในเกมนี้ก็คือ การออกแบบโลก ที่ผสมผสานทั้งไซเบอร์พังก์ เมืองลอยฟ้า และซากเทคโนโลยีในอดีตเข้าด้วยกัน แต่ละยุคของเส้นเวลาล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่น โลกดิจิทัลยุคดึกดำบรรพ์ เต็มไปด้วยดิจิมอนสายดึกดำบรรพ์และภูเขาแห่งข้อมูล หรือเมืองเหล็กของดิจิมอนจักรกล ปกครองโดย Machinedramon รวมถึงโลกอนาคตที่ถูกไวรัสทำลายจนเหลือเพียงเศษซากของความหวัง เป็นต้น แถมด้านของดนตรีประกอบที่ได้คุณ Masafumi Takada (จาก Danganronpa) ก็สร้างบรรยากาศที่ทั้งเร้าใจและเศร้าในเวลาเดียวกัน โดยเฉพาะธีมหลัก “Rewind the Light” ที่เชื่อว่าได้ใจแฟน ๆ แน่นอน
ทางด้านเกมเพลย์หลักของ Digimon Story: Time Stranger ยังคงเอกลักษณ์ของซีรีส์ไว้ครบถ้วน การต่อสู้แบบ Turn-Based Tactical RPG ที่ใช้ระบบ “Active Time Battle+” ซึ่งเป็นการพัฒนาต่อยอดจาก Digimon Story: Cyber Sleuth แต่มีการเพิ่มระบบใหม่คือ Chrono Shift System เข้ามา ซึ่งระบบนี้เปิดโอกาสให้ผู้เล่นสามารถควบคุมเวลาในการต่อสู้ เช่น การย้อนเทิร์นกลับไปแก้กลยุทธ์, การเร่งความเร็วของดิจิมอนฝ่ายเรา, หรือแม้แต่หยุดเวลาเพื่อใช้ท่าพิเศษ การต่อสู้จึงไม่ได้อาศัยแค่พลัง แต่ต้องอาศัยการวางแผน การจัดทีม และการเลือกใช้ทักษะตามจังหวะเวลาอย่างแม่นยำ ยังมีระบบแพ้ทาง-ชนะทางที่ทำให้เราลุยได้แบบสนุกไม่ซับซ้อน นอกจากนั้นตัวเอกของเราเองก็มีพวกสกิลพิเศษที่สามารถช่วยให้มีส่วนร่วมในการต่อสู้ด้วย รวม ๆ แล้วเป็นเกมเพลย์ในการต่อสู้ที่รู้สึกว่าเล่นได้เพลินและดูดเวลาชีวิตอย่างมาก ชนิดที่ว่าเล่นยาวจนลืมเวลาไปเลย
สำหรับในเกมนั้น จะมีดิจิมอนกว่า 450 ตัว ให้สะสมและพัฒนา ตั้งแต่รุ่นคลาสสิกอย่าง Agumon, Gabumon ไปจนถึงสายพันธุ์ใหม่ที่ออกแบบขึ้นเฉพาะภาคนี้ เช่น Aionmon, Velgrademon, และ Chronodramon การวิวัฒนาการ (Digivolution) มีหลายแขนงตามเส้นเวลาที่ผู้เล่นสำรวจ ทำให้แต่ละตัวสามารถเติบโตในทิศทางที่แตกต่างกันไป นอกจากนี้ยังมีระบบ Time Fracture Missions เควสต์พิเศษที่ให้ผู้เล่นย้อนกลับไปแก้เหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ เช่น การช่วยเหล่าดิจิมอนในสงครามยุคแรก หรือหยุดยั้งการล่มสลายของเมือง Network City แต่การเปลี่ยนอดีตย่อมมีราคาที่ต้องจ่าย ซึ่งเกมก็สะท้อนประเด็นนี้ผ่านทางเนื้อเรื่องและบทสนทนาได้อย่างยอดเยี่ยม ใครที่ชอบระบบการสะสมเหล่าดิจิมอนและการพัฒนาต่าง ๆ บอกเลยว่าได้เล่นกันแบบจุใจสุด ๆ แถมเข้าใจง่ายด้วย หรือถ้าใครไม่พอใจเกมก็มีระบบวิวัฒนาการย้อนกลับได้อีกต่างหาก ส่วนคนที่ไม่เร่งรีบก็มีระบบ Digifarm ให้เรานำดิจิมอนไปฝึกฝนหรือพักผ่อนภายในฟาร์มได้อีกด้วย
หนึ่งในจุดเด่นใหม่อีกอย่างก็คือ Time Link System ที่ให้ผู้เล่นสร้างสายสัมพันธ์กับดิจิมอนของตนในแต่ละช่วงเวลา ความสัมพันธ์นี้ไม่ได้แค่เพิ่มพลังหรือทักษะพิเศษ แต่ยังส่งผลต่อจุดจบของเส้นเวลาที่ผู้เล่นจะได้พบ โดยดิจิมอนบางตัวจะเปลี่ยนรูปร่างหรือบุคลิกตามการตัดสินใจของเรา และบางครั้งก็อาจหายไปจากเส้นเวลาอย่างถาวรหากเราเลือกผิดพลาด เป็นระบบที่ทั้งอบอุ่นและเจ็บปวดในเวลาเดียวกันก็ว่าได้
สรุปภาพรวม Digimon Story: Time Stranger คือการกลับมาที่ยิ่งใหญ่ของซีรีส์ RPG ดิจิมอนที่แฟน ๆ รอคอยมานานหลายปี มันคือการผสมผสานระหว่างกลยุทธ์ที่ลุ่มลึก เนื้อเรื่องที่ชวนติดตาม และธีมของ “เวลา” ที่ทั้งอบอุ่นและเจ็บปวด เกมมีกราฟิกที่สวยงามและเพลงประกอบที่ลงตัว แม้ว่าในช่วงแรก ๆ บางคนอาจจะงงไปกับ UI และระบบของเกมอยู่บ้าง แต่พอเล่นไปซักพักก็จะปรับตัวและเข้าใจได้ เกมเป็นมิตรกับทั้งผู้เล่นที่เป็นแฟนเฉพาะและผู้เล่นหน้าใหม่ มีระบบอำนวยความสะดวกอย่างการต่อสู้อัตโนมัติมาให้ด้วย ในเกมมีทั้งการสะสมดิจิมอน ฝึกฝนพัฒนา การต่อสู้ ดันเจี้ยนพิเศษ มินิเกม แม้กระทั่งภารกิจการสืบสวนต่าง ๆ ถือเป็นอีกหนึ่งภาพที่แฟนของเกมนี้ไม่ควรพลาด
No Game No Life !!