เรื่องราวของแวมไพร์ถือว่าเป็นตำนานที่มีอยู่มาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งในวงการเกมหลายคนคงจะคุ้นชื่อของ Vampire: The Masquerade กันดีอยู่แล้ว และล่าสุดภาคใหม่อย่าง Vampire: The Masquerade – Swansong ก็ถูกส่งออกมาวางจำหน่ายให้ได้เล่นกันไปเรียบร้อยแล้ว วันนี้เราจะพาไปรีวิวดูรายละเอียดของเกมนี้รวมไปถึงความรู้สึกหลังจากที่ได้ลองเล่นไปแล้วมาให้อ่านกันเหมือนเช่นเคยครับ
Vampire: The Masquerade – Swansong พัฒนาโดย Big Bad Wolf Studio ซึ่งในบ้านเรานั้นได้ทาง Ripples เป็นผู้นำเข้ามาจัดจำหน่าย ตัวเกมพัฒนาโดย Unreal Engine และถือว่าเป็นเกมที่สร้างมาจากเกมกระดานหรือบอร์ดเกมรุ่นที่ 5 ของซีรีส์ Vampire: The Masquerade ซึ่งแน่นอนว่ามันจะพาทุกคนเข้าไปดำดิ่งสู่โลกของแวมไพร์ ให้เราได้สวมบทบาทและติดตามเนื้อเรื่องอันเข้มข้นแบบสมจริงยิ่งขึ้น
เรื่องราวใน Vampire: The Masquerade – Swansong เกิดขึ้นในเมือง Boston เราจะได้เล่นเป็นแวมไพร์ 3 คน ซึ่งแต่ละคนนั้นเป็นแวมไฟร์ดั้งเดิมมีอายุกว่าหนึ่งร้อยปี และมาจากฝ่ายที่แตกต่างกัน แต่ทั้งหมดเป็นสมาชิกระดับสูงของ Camarilla กลุ่มที่เป็นลูกผสมระหว่างองค์กรปกครองและมาเฟีย Emem เป็นแวมไพร์ที่มีความทะเยอทะยานในทางการเมืองที่จะต่อสู้กับผู้มีอำนาจ ส่วน Galeb เป็นลูกน้อง Camarilla ที่ภักดีอ่อนโยนและซื่อสัตย์ ส่วนอีกคนคือ Leysha ซึ่งเพิ่งตื่นขึ้นจากการจำศีลเป็นเวลาสามปีเนื่องจากอาการป่วยทางจิตที่ทำให้ร่างกายทรุดโทรมที่มักพบบ่อยในกลุ่ม Malkavian ของเธอ ทั้งนี้กลุ่ม Camarilla ปกครองโดย Hazel Iversen และตอนนี้ก็เกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้นมาที่จะส่งผลต่อความอยู่รอดของเหล่าแวมไพร์ในการใช้ชีวิตร่วมกับสังคมมนุษย์ เธอจึงส่งให้แวมไพร์ทั้ง 3 ออกไปสืบค้น สืบสวน หาหลักฐาน และความจริงของปัญหาที่เกิดขึ้น
ในเกมนี้เราจะได้เล่นเป็น 3 แวมไพร์ซึ่งจะมีการสลับตัวละครให้เราได้เล่นไปเรื่อยๆ เพื่อแยกกันทำภารกิจและสืบค้นในเรื่องราวกับมุมมองที่แตกต่างกันออกไป แวมไพร์แต่ละตัวจะมีความสามารถกับพวกสกิลที่แตกต่างกันออกไป แต่การเล่นหลักของเกมนี้จะเป็นแนว role-playing หรือการสวมบทบาทและเน้นพูดคุย เลือกคำตอบ แก้ปริศนา ผ่านการบังคับแบบมุมมอง third-person ถ้าใครคิดไม่ออกก็แนวเดียวกับ Life is Strange โดยการเลือกตอบคำถามมันก็จะมีเรื่องของพลังพิเศษของแวมไพร์เข้ามาเกี่ยวข้อง เช่นการชักจูง จิตวิทยา หรือการใช้สำนวน เป็นต้น แต่การจะใช้ก็มีข้อระวัง เพราะบางครั้งมันก็ไม่สามารถใช้ได้สำเร็จเสมอไป โดยจะมีหน้าต่างบ่งบอก % ในความสำเร็จเอาไว้ ขึ้นอยู่กับระดับที่เราอัพสกิลมาและคู่สนทนาที่เราคุยด้วย และยังใช้ค่าพลังบางอย่างที่เป็นเหมือนกับมานาเป็นแถบสีฟ้าที่อยู่มุมซ้ายบนของหน้าจอด้วย ส่วนการเลือกตอบคำถามจะส่งผลต่อเนื้อเรื่องและฉากจบของเกมนี้ด้วยเช่นกัน
นอกจากสกิลในการพูดคุยเลือกตอบคำถามแล้ว ยังมีพลังอย่างอื่นให้ได้ใช้งานด้วย เช่นการเทเลพอร์ต การมองเห็นกลิ่นลอยอยู่ในอากาศ การล่องหนหายตัว เป็นต้น ปัญหาก็คือตัวละครแต่ละตัวมีแผนผังทักษะที่ค่อนข้างซับซ้อน โดยค่า XP ที่จะนำมาอัพเกรดได้ก็มาจากการสรุปค่าในการจบฉากต่างๆ แล้วตัวละครมีตั้ง 3 ตัวแถมสลับออกมาให้เราได้เล่นอีก ดังนั้นการอัพเดทสกิลหรือความก้าวหน้าให้กับแต่ละตัวดูจะไม่ค่อยต่อเนื่องกันเท่าไหร่
สรุปภาพรวมของ Vampire: The Masquerade – Swansong มันเป็นเกมที่เหมาะกับคนที่ชอบเล่นเกมสืบสวน ไขปริศนา บทพูดเยอะๆ เอกสารและตัวหนังสือมากมาย ขับเคลื่อนด้วยเรื่องราวอันเข้มข้นน่าติดตาม และแน่นอนว่าคุณจะต้องเก่งภาษาอังกฤษในระดับที่ดีเยี่ยมด้วย ถ้าใครหวังจะพบเกมบู๊แหลกพุ่งไปดูดเลือดก็ให้มองข้ามเกมนี้ไปได้เลย Vampire: The Masquerade – Swansong วางจำหน่ายให้เล่นกันแล้ววันนี้ใครที่สนใจก็ไปหาซื้อมาเล่นกันได้
นักเขียนยุคบุกเบิกที่เล่นเกมมันทุกแพลตฟอร์ม เล่นทุกวัน เล่นมันทุกแนววววว