ตอนนี้หลายคนคงจะได้รับเครื่อง PlayStation 5 ศูนย์ไทยที่วางจำหน่ายในล็อตแรกกันเรียบร้อยแล้ว ส่วนคนที่ยังไม่ได้ก็อดใจรอการเปิดให้สั่งซื้อในรอบต่อไปกันได้ครับ ซึ่ง PlayStation 5 ในไทยจะมีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 16,990 บาทสำหรับรุ่นปกติที่ใส่แผ่นได้ และรุ่น Digital Edition แบบไม่มีที่ใส่แผ่นนั้นมีราคาอยู่ที่ 13,990 บาทนั่นเอง รวมถึงบรรดาอุปกรณ์เสริมต่างๆ ก็มีวางจำหน่ายแล้วเช่นกัน วันนี้เราจะมารีวิวตัวเครื่องกับความรู้สึกในการใช้งานมาให้อ่านกันครับ
แกะกล่องตัวเครื่อง
หลังจากที่เราได้เครื่อง PlayStation 5 ศูนย์ไทยรุ่นปกติที่มีช่องใส่แผ่นมาอยู่ในมือแล้ว ตัวกล่องที่บรรตุมานั้นหากใครดูด้านใต้กล่องจะพบว่ามีบาร์โค้ดและข้อความตัวแทนจำหน่าย “โซนี่ไทย” อยู่ชัดเจนพร้อมกับเมื่อแกะกล่องออกมาแล้วที่ใต้ตัวเครื่อง PS5 จะมีป้าย มอก. บ่งบอกว่าเป็นเครื่องศูนย์ไทยแท้แน่นอนครับ โดยในกล่องเมื่อแกะออกมาแล้วจะประกอบไปด้วย
- ตัวเครื่อง PlayStation 5
- จอย DualSense 1 อัน
- แท่นวางเครื่องที่ด้านหลังจะมีที่เก็บน็อตไว้กันร่วงหรือหายเอาไว้อย่างดี
- สาย HDMI ที่ให้มาจะเป็นสายแบบ 2.1 เลยด้วย
- สาย USB A to USB C ไว้สำหรับเสียบชาร์ทจอย
- สายไฟ
- คู่มือ
ความรู้สึกแรกที่ได้เห็นและสัมผัส
ความรู้สึกแรกที่เห็นตัวเครื่องบอกเลยว่ามันสวยมาก และมีขนาดใหญ่มากเมื่อเทียบกับ PS4 แถมตัวเครื่องหนักเอาเรื่อง สาเหตุเพราะมันถูกออกแบบมาให้มีการระบายอากาศที่ดี และด้วยขาตั้งที่ให้มาเรายังสามารถที่จะวางได้ 2 แบบ คือวางในแนวตั้งกับในแนวนอน ตัวพลาสติกสีขาวของตัวเครื่องนั้นจับแล้วดูมีความพรีเมี่ยมและยังใส่ลวดลายของสัญลักษณ์ สี่เหลี่ยม สามเหลี่ยม กากบาท กับวงกลมเอาไว้ด้วย ซึ่งเป็นกิมมิคที่เท่มากๆ แต่ในขณะเดียวกันตรงตัวเครื่องตรงกลางที่เป็นพลาสติกสีดำนั้นดูจะเป็นรอยง่ายไปหน่อย
ในส่วนของจอย DualSense พูดถึงสัมผัสแรกที่ได้จับแล้วมันค่อนข้างมีน้ำหนักที่เยอะกว่าจอย PS4 อย่างชัดเจน รูปร่างก็ใหญ่กว่า แต่พอจับแล้วยังคงถนัดมืออยู่และถือว่าใช้งานได้ถนัดกว่าจอย PS4 มาก ผิวสัมผัสของจอย DualSense มันไม่ลื่นจนเกินไป และยังพบว่าบนจอยนั้นจะมีรูไมค์เอาไว้สำหรับพูดสื่อสารกับเพื่อนได้แล้วด้วย ส่วนเรื่องของการใช้งานตัวจอยนั้นจะเอาไว้พูดถึงในส่วนถัดไปครับ
การโอนย้ายข้อมูลจาก PS4 ไป PS5
สิ่งแรกหลังจากที่ทำการเสียบสายและเปิดเครื่องพร้อมกับทำการอัพเดทเฟิร์มแวร์อะไรเรียบร้อยแล้ว ก็คือการโอนย้ายข้อมูลจากเครื่อง PS4 มายัง PS5 หากใครที่เป็นสมาชิก PS Plus อาจจะใช้วิธีอัพโหลดเซฟไปเก็บไว้บนคลาวน์เลย แต่สำหรับคนที่ไม่ได้เป็นสมาชิกหรือต้องการย้ายข้อมูลแบบปกติ ก็ทำได้ง่ายๆ เพียงแค่เสียบสาย Lan ด้านหลังระหว่างเครื่อง PS4 กับ PS5 เข้าด้วยกัน ในระหว่างนี้ก็ให้ทั้ง 2 เครื่องต่อไวไฟเดียวกันเอาไว้ หลังจากนั้นบนเครื่อง PS5 ก็ไปที่ การตั้งค่า > ระบบ > ซอฟต์แวร์ระบบ > ถ่ายโอนข้อมูล > ดำเนินการต่อ >> เลือก PS4 กับข้อมูลที่ต้องการจะโอนย้าย
ตรงส่วนนี้แนะนำว่าให้โอนย้ายข้อมูลพวกเซฟเท่านั้น ส่วนเกมแนะนำว่าไปโหลดใหม่เอาจะดีกว่าสำหรับคนที่เน็ตเร็วๆ เพราะหากโอนข้อมูลทั้งหมดจะใช้เวลาที่นานมากๆ และถ้าใครที่มีฮาสดิสเสริมแบบพกพาที่ลงเกมและเสียบเล่นอยู่บน PS4 อยู่แล้วก็สามารถที่จะเอามาเสียบกับ PS5 เพื่อเล่นเกมของ PS4 ได้เลย โดยที่ความจุของเครื่อง PS5 ตัวกล่องจะเขียนว่า 825GB แต่หักลบข้อมูลของระบบแล้วจะเหลือพื้นที่ไว้ติดตั้งเกมเพียง 667.2GB เท่านั้น ซึ่งในอนาคตจะมีการติดตั้ง SSD เพิ่มเติมเพื่อเพิ่มความจุได้
เมนูอินเตอร์เฟส
หน้าต่างเมนูหรืออินเตอร์เฟสของ PS5 มีการปรับใหม่ทั้งหมด แต่ก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากและยังสามารถใช้งานกันได้ง่ายๆ การเลือกหรือการทำงานนั้นรวดเร็วลื่นไหล ที่สำคัญยังคงรองรับภาษาไทยให้เราได้ใช้งานกันสะดวกและที่ยังสามารถพิมพ์คีย์บอร์ดภาษาไทยได้แล้วด้วย เมนูด้านบนมีการแยกหน้าในส่วนของเกมและสื่อเอาไว้ให้ โดยพวกสื่อนี่คือการรวม app ความบันเทิงทั้งหลายเอาไว้ทั้ง Netflix, Apple TV, Twitch, Youtube หรือ Disney+ ในอนาคตด้วย เป็นต้น บอกเลยว่าอารมณ์การใช้งานไม่ต่างจากพวกสมาร์ททีวีที่เราใช้อยู่ประจำ
เกมแรกที่ต้องเล่น
เหนือสิ่งอื่นใด หลังจากทุกอย่างพร้อมลุยแล้ว สิ่งที่ทุกคนต้องการคือการเล่นเกม ซึ่งเราขอแนะนำให้ลองเล่นเกม Astro’s Playroom ซึ่งเป็นเกมฟรีที่แถมติดมากับเครื่อง PS5 เพราะด้วยเกมนี้มันจะพาเราไปพบกับประสบการณ์การเล่นเครื่อง PS5 ด้วยจอย DualSense แบบเต็มประสิทธิภาพจริงๆ ครับ บอกเลยว่าทุกคนจะต้องร้องว้าวตั้งแต่เริ่มเข้าเกมนี้เลย ทั้งเรื่องการสั่นของจอยที่แปลกไปกว่าทุกที มันสมจริงและสนุกมาก แถมการกดปุ่ม R2 หรือฟังก์ชั่นของ adaptive triggers ก็ทำให้การกดปุ่มยิงนั้นไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป จากเดิมที่กด R2 หรือปุ่มยิงไปปกติแล้วปล่อย แต่บน DualSense มันมีแรงเหนี่ยว แรงต้านที่น่าประหลาดใจมาก อันนี้ต้องลองด้วยตัวเองถึงจะรู้ครับ
ความรู้สึกโดยรวม
ส่วนตัวแล้วเครื่อง PS4 ที่เล่นอยู่ปัจจุบันนั้นเป็นรุ่นอ้วนแรกสุด พอออกรุ่น PRO มาก็ไม่อยากเสียเงินซื้อเพิ่ม จนกระโดดมารุ่นใหม่ PS5 เลยในที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าในด้านการใช้งานนั้นมันว้าวมาก ทั้งกราฟิก ภาพที่ได้ของเกมต่างๆ นั้นสวยงามขึ้นมาก การเล่นคอนโซลแบบ 4K 60FPS ได้เป็นอะไรที่ปลื้มสุดๆ การโหลดเข้าเกมหรือการโหลดฉากของทุกเกมมันเร็วขึ้นแบบรู้สึกได้จริงๆ แม้แต่เกม PS4 บางเกมเมื่อเอามาเล่นบนเครื่อง PS5 ก็ทำให้ได้ภาพหรือความไหลลื่นที่ดีขึ้นอย่างมากเช่นกัน ยิ่งเกมที่มีให้อัพเกรดเป็น PS5 บอกเลยว่ามันสวยงามน่าเล่นขึ้นสุดๆ ยกตัวอย่างเช่น God of War ที่อัพเดท 4K 60FPS เป็นต้น
ทั้งนี้แม้ตัวเครื่องจะรองรับ 8K หรือการรัน 120FPS แล้ว แต่คงต้องรอลองกันอีกครั้งในอนาคตหลังจากที่มีการอัพเดทเฟิร์มแวร์หรือมีเงินซื้อทีวี 8K หรือทีวีที่รองรับ จนถึงตอนนี้ PS5 กับราคาเครื่องที่วางจำหน่ายมันเกินคำว่าคุ้มค่าไปแล้วจริงๆ หวังว่าจะมีการผลิตที่นำมาจำหน่ายให้เพียงพอกับความต้องการของตลาดเท่านั้น และหวังว่าทุกคนจะได้สนุกไปกับ PS5 กันแบบถ้วนหน้าโดยเร็วครับ แล้วโอกาสต่อไปเราจะมารีวิวเกม Demon’s Souls ที่เป็นภาครีเมคและ Exclusive เฉพาะของเครื่อง PS5 มาให้อ่านกันแน่นอนครับ
นักเขียนยุคบุกเบิกที่เล่นเกมมันทุกแพลตฟอร์ม เล่นทุกวัน เล่นมันทุกแนววววว