จริงๆ แล้วคนทุกคนย่อมมีสิทธิ์คิดและมีสิทธิ์ทำตามใจตัวเอง แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้อง แน่นอนว่าความถูกต้องที่ว่าของแต่ละคนมันต่างกัน มันจึงเป็นที่มาของคำว่าคิดต่าง บางคนบอกอย่างนี้ดี แต่บางคนบอกแบบนี้ดีกว่า ซึ่งก็หาข้อสรุปไม่ได้ว่าอะไรกันแน่ที่ดีจริง มีอย่างเดียวที่ทำให้ความคิดของทั้ง 2 ความคิดตรงกันได้นั่นคือการเปิดใจ และยอมรับความคิดของอีกฝ่าย ซึ่งบอกตามตรงว่ายุคสมัยมันแทบจะเป็นศูนย์เลยทีเดียว
แต่สิ่งที่เราต้องทำไม่ใช่ไปหาข้อโต้แย้ง หรือหาข้องถกเถียงเพื่อทำให้คนที่คิดต่างกลายเป็นฝ่ายผิด แต่เราสามารถเริ่มทำที่แนวคิดของเราให้เห็นผล เมื่อใดก็แล้วแต่ที่เราทำสำเร็จ และสังคมยอมรับว่ามันทำได้จริง เมื่อนั้นเสียงของเราก็จะมีพลัง และทำให้คนที่คิดต่างยอมรับว่าสิ่งที่เขาคิดนั้นมันไม่ใช่อีกต่อไป นั่นแหละครับที่เราควรทำมากกว่าการโต้วาที
แน่นอนว่าช่วงนี้มีข่าวเรื่องของการยืนจดหมายเปิดผนึกให้ชะลอการอนุมัติให้เกมเป็นกีฬา ซึ่งอันนั้นก็เป็นสิทธิ์ของคนยื่นเพราะเขาเห็นข้อเสียของเกม แต่มองข้ามข้อดีของเราไป ซึ่งสิ่งที่เราทำได้คือพยายามทำให้ข้อดีของเกมบดบังข้อเสียให้ได้มากที่สุด ซึ่งก็ต้องอาศัยความร่วมมือของเกมเมอร์ หรือนักกีฬาอีสปอร์ตทุกท่าน รวมถึงผู้ที่อยู่ในวงการเกมทุกท่านร่วมกันทำมันขึ้นมา
เริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนคำโต้แย้ง เป็นแสดงพลังให้เขาเห็นถึงพลังของคนในวงการเกม ด้วยการเข้าไปลงชื่อ รณรงค์ผลักดันให้ อีสปอร์ต กลายเป็นกีฬา 1 เสียงของท่านมีความหมาย เพราะมันจะกลายเป็นคลื่นลูกใหญ่ที่มีพลังพอที่จะทลายกำแพงของคำที่มักเรียกเราว่า เด็กติดเกม
ร่วมลงชื่อเกมเมอร์คนไทยอยากให้อีสปอร์ตเป็นกีฬา
ทุกเสียงที่ลงชื่อมา จะเป็นข้อมูลชั้นยอด ที่สามารถเอาไปใช้สนับสนุน หรืออ้างอิงในการประชุมของทุกวาระที่มีการเสวนาเกี่ยวกับเรื่องการผลักดันให้อีสปอร์ตคือกีฬา 1 เสียงของท่านมันมีค่ายิ่งใหญ่จริงๆ ช่วยๆ กันครับ