เตรียมพบกับอัปเดตระบบ Competitive แบบใหม่ใน Overwatch 2 

PR Photo Initializing system TOUT

ทีมงาน Overwatch 2 ภูมิใจอย่างยิ่งที่จะประกาศแนวทางการอัปเดตโหมดการเล่นแบบแข่งขันหรือ Competitive play ซึ่งถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของคอมมูนิตีผู้เล่น Overwatch และยังเป็นส่วนที่มีแผนพัฒนาระยะยาวต่อไปในอนาคต

 

เป้าหมายสำคัญของทีมพัฒนา Overwatch 2 คือ

  • การอัปเดตในทุกซีซันจะเป็นความท้าทายใหม่และมีเนื้อเรื่องเฉพาะตัว แต่ละซีซันจะบอกเรื่องราวใหม่ การผจญภัยใหม่ แผนที่ใหม่ โหมดเกมใหม่ และการปรับสมดุลย์ต่างๆ
  • การไม่ชนะเกมไม่ใช่เรื่องแย่ ผู้เล่นในโหมด Competitive ควรได้ได้ไต่แรงก์ด้วยเงื่อนไขที่สนุกสนานมากกว่า
  • ผู้เล่นเดิมได้สัมผัสประสบการณ์ของ Overwatch 2 ระบบต่างๆ เอื้อให้ผู้เล่นเดิมเจอเกมที่เหมาะสมกับทักษะ พร้อมกับสิทธิประโยชน์มากกมายทั้งกับผู้เล่นเองและเพื่อนร่วมทีม

 

รายละเอียดเพิ่มเติม ดังนี้

 

ปลดล็อกระบบการแข่งขัน Competitive play

 

ผู้เล่นใหม่ที่สร้างบัญชีกับ Overwatch 2 ตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคมเป็นต้นไป จะต้องผ่าน โหมดต้อนรับผู้เล่นหน้าใหม่ First-Time User Experience (FTUE) และต้องเอาชนะให้ได้ 50 เกมก่อนได้รับการปลดล็อกในโหมด Competitive

 

ผู้เล่นเดิมที่รู้จัก Overwatch เป็นอย่างดีแล้วจะไม่รู้สึกท้อแท้เมื่อได้ร่วมทีมกับผู้เล่นหน้าใหม่ เพราะโหมด FTUE จะช่วยให้ผู้เล่นใหม่ได้ทำความรู้จักระบบและฝึกเล่นเกมจนคล่องก่อนเข้าสู่โหมดการแข่งขัน   และในโหมด FTUE เองก็มีการจับคู่ผู้เล่นอย่างเหมาะสม ผ่านระบบที่ประเมินเลเวลและทักษะสกิลจากผู้เล่นในโหมดเดียวกัน   แต่ผู้เล่นที่เคยปลดล็อก Competitve play แล้ว สามารถเข้าถึงโหมดแข่งขันได้ทันทีในวันแรกที่เกมเปิดให้บริการ

 

การแบ่งระดับ Skill Tier

 

ทีมงานอยากให้ผู้เล่นทุกคนรู้สึกว่าได้รับความคืบหน้าในทุกเกมที่เล่นตั้งแต่วันแรกใน Overwatch 2

 

แต่ก่อนการจัดระดับใช้ระบบ SR (Skill Rating) ซึ่งเป็นการขยับขึ้น-ลงในแรงค์ตามรอบชนะ-แพ้ของแต่ละเกม ระบบดังกล่าวสร้างปัญหาให้กับผู้เล่นหลายคน เนื่องจากรู้สึกว่าแรงค์ของตนเองไม่คืบหน้าแม้จะเล่นไปหลายเกม

 

Overwatch 2 ได้ปรับมาใช้ Skill Tier Division โดยแบ่งจากระดับ Bronze ไปถึงระดับ Grand Master แต่ละระดับแบ่งออกเป็น 5 ระดับย่อย ทุกเกมจะได้คะแนนสะสมเพื่อไต่ระดับ ผู้เล่นจะได้เลื่อนแน่นอนระดับหากชนะติดต่อกัน 7 รอบ หรือแพ้ติดต่อกัน 20 รอบ ไม่ได้เป็นการเลื่อนระดับขึ้นหรือลงในทุกรอบที่เล่นแบบเดิม

 

n9DrI4k7XRWD3H1Z2 DnuJHcGhDGcsqBeGua i2tvsEEpXRebSDghzqeBM4X6OqaAP9HeCtdaMVWybhyoIAB3pTyNKQwgai1DngUVwjI9PJrb0o47qsbi5Xeq jtoOIGF FagOMfJIOBVdq19rw6B CWNZkVl28FWq4AGEgvtYJwEJ5s7yT SAVaQ

 

นอกจากนี้ ตัวเกมมีฟีเจอร์การบันทึกทุกแมทช์ที่เล่นในแต่ระดับย่อย เพื่อให้ผู้เล่นได้ศึกษาและวางแนวทางการเล่นที่เหมาะกับตัวเองและเพื่อนร่วมทีม

 

UI สำหรับ Match-focused

 

เราได้มีการปรับหน้าตา UI บนหน้าจับคู่ในโหมด Competitive ตามคำเรียกร้องจากผู้เล่น โดยตัดกรอบสัญลักษณ์แสดงระดับของผู้เล่นออก และไม่แสดง Skill tiers ของผู้เล่นของเข้าเล่น แต่จะมีแค่ Name Card และ Title เท่านั้น

ทีมงานได้ออกแบบกระดานแสดงคะแนนแบบใหม่และส่วนแสดงเหรียญรางวัลออกเพราะมันอาจไม่ได้บ่งชี้คุณสมบัติของผู้เล่นได้ชัดเจน ข้อมูลแบบใหม่จะสื่อสารระหว่างผู้เล่นในทีมได้มากขึ้นและช่วยให้ผู้เล่นสามารถวางแผนการเล่นได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

 

PDK0tZ9ddJpdKI9UDeOso Mmie8jKpf8dGUfP quVvFyIVcmFEFkPThb0pVrzbt75cFpPQNUk1Vu6KO3mY fRXkRaACIftX5HSBQQyoxQM59YV7PYkP1PB1H EQm9UbqybO3P3yQN7eeI0C2rmOFUCEV7 7NmS1KLaAjE 3TI7aKhM0dkGiK m2juQ

เกมได้ปรับระบบ Ping แบบใหม่ช่วยให้การสื่อสารในทีมด้วยระบบคำสั่งแบบเสียงที่ผู้เล่นไม่จำเป็นต้องเปิดไมค์

 

ฟีเจอร์ Game Reports

 

Game Reports เป็น ฟีเจอร์สรุปข้อมูลจากทุกเกมที่จะช่วยให้ผู้เล่นพัฒนาทักษะการเล่นให้ดียิ่งขึ้น ฟีเจอร์นี้อยู่ใน History Tab ของส่วนแสดง Career Profile แสดงสถิติทั้งภาพรวมของทุกเกม แต่ละเกม และแต่ละฮีโรที่เลือกใช้

 

q4SRRrndN7fzy3MP08kykY4KVv0lTvPXmv8mX bmO8nP Pby7pkXgMRpmAuPPs JUdL6Xjgw Y 5bBsYxIJDUDGi TN6pF8Yh2 WHWlwyfO1BRM XF0ueZ 4 AZu41iUr1 5pCCk86bnsIIXiCTIPE6hsWLTFSrmptvOjBzz9L bDX8GlOlb39nyw

 

MDC0CySxE0hqlIJdWEdFHzU0QaVTKzSeNuoBoT8QhIsJDIsLcb6dv0oOJ8NO4YA56d0KMr8 1ekPVo2dVyfxmD7Se4wd2zgH7lKF0iC7YcXqFqGVc8JHQr3jLHNE3BQGUs4oF

 

กระดานแสดงผล Top 500

กระดานแสดงผล Top 500 จะปลดล็อกเมื่อทำตามเงื่อนไขในทุกครั้งที่ขึ้นซีซันใหม่ เช่น เล่นครบ 25 ในโหมด Role Queue หรือเล่นครบ 50 เกมใน Open Queue   กระดานแสดงผลจะแตกต่างกันไปตามแต่ละแพล็ตฟอร์มที่เล่น

 

ระบบจับคู่ผ่าน Skill Decay ของโหมด Competitive

 

ทีมงานได้เตรียมระบบที่ช่วยเหลือผู้เล่นที่ห่างหายไปนานจาก Overwatch โดยใช้เรตในการจับคู่กับผู้เล่นที่มี skill level ต่ำกว่าเล็กน้อย แต่หากผู้เล่นดังกล่าวเล่นเกมรอบต่อไปอย่างต่อเนื่อง ระบบจะจับคู่ให้อยู่กับผู้เล่นระดับเดียวกันโดยอัตโนมัติ

 

รางวัลจากโหมด Competitive

 

ซีซันของการจัดลำดับ Competitive play จะแบ่งตามตารางภาพรวมของเกม และช่วงเวลา Battle Pass หลังจากจบหนึ่งซีซันผู้เล่นจะได้รับไอเทมประดับ Name Card แสดง Title ตามระดับของตนเอง และจะใช้ได้เฉพาะในซีซันถัดไปเท่านั้น

 

ค่าคะแนน Competitive Points เมื่อจบซีซันสามารถเปลี่ยนเป็นรางวัลได้ ผู้เล่นจะได้ 10 points ต่อ 1 เกมที่ชนะ และหากได้รับ 3,000 points จะสามารถปลดล็อกอาวุธสีทองจากฮีโรใดก็ได้

 

นอกจากการอัปเดตใหม่ที่จะได้เจอตั้งแต่วันแรกของ Overwatch 2 แล้ว ตัวเกมมีแผนการพัฒนาระบบต่างๆ ในซีซันถัดไปอีกมากมาย เพื่อให้ผู้เล่นรู้สึกสนุกและท้าทายทุกครั้งที่เข้ามาใน Overwatch 2

 

โปรดติดตามข้อมูลที่จะแจ้งให้ทราบในเร็วๆ นี้