Free Fire เป็นเกมแนว Battle Royale เหมือนกับเกม PlayerUnknown’s Battleground (PUBG) ที่ย่อขนาดเล็กลง โดยเป้าหมายของเราคือการอยู่รอดเป็นคนสุดท้ายในการต่อสู้แบบ 50 คนให้ได้
ความเห็นทั้งหมดนี้เป็นเพียงความเห็นส่วนตัว อาจถูกใจหรือไม่ถูกใจบ้างต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ครับ
จุดเด่น
• PUBG ขนาดเล็ก
ต้องบอกว่าเกมนี้แม้จะเล่นบนมือถือ แต่ระบบการเล่นเรียกว่าน้องๆ PUBG เลย เพราะรูปแบบการเล่นนั้นคล้ายคลึงกันมากๆ ตั้งแต่การโดดร่ม หาของ จนกระทั่งการเป็นผู้ชนะ แต่เกมนี้สามารถเล่นได้ฟรี และพกพาไปไหนก็ได้ครับ
• แมตช์เล็ก จบเร็ว
เกมนี้จะมีแผนที่ค่อนข้างเล็ก ผู้เล่นประมาณ 50 คน ทำให้ความเร็วในการเล่นนั้นค่อนข้างไว แต่บอกเลยว่า สนุกไม่แพ้แมตช์แบบ 100 คนเลยล่ะครับ
• อุปกรณ์สวมใส่
เกมนี้เราสามารถตกแต่งตัวละครได้เต็มที่ โดยสามารถหาชุดได้จากกล่อง ที่เราสามารถซื้อได้ในราคาไม่แพงนัก ซึ่งชุดที่สวมใส่ไม่มีผลต่อค่าสถานะใดๆ การแต่งกายเป็นเพียงแฟชั่นเท่านั้น
• ใช้ยานพาหนะได้
น่าสนใจมากกับเกมนี้ที่สามารถใช้ยานพาหนะที่มีภายในฉากได้ด้วย โดยยานพาหนะนี้จะทำให้เราเคลื่อนที่ได้เร็วขึ้น รวมถึงสามารถใช้ขับชนคนอื่นก็ได้
• เสริมอุปกรณ์ให้ปืนได้
ในเกมนี้เราจะสามารถเก็บอุปกรณ์เอามาเสริมปืนได้ เช่นที่จับ หรือเป้าเล็ง ซึ่งจะสวมใส่ให้อัตโนมัติ ทำให้เราเล่นได้ง่ายขึ้น
• มีภาษาไทย
เกมนี้จะมีภาษาไทยรองรับด้วย ตั้งแต่หน้าจอหลักไปจนถึงในเกม ทำให้ผู้เล่นเข้าถึงเกมนี้ได้ง่ายขึ้นอย่างมากครับ
จุดด้อย
• ยังปรับหน้าตาตัวละครไม่ได้
ตัวละครในเกมนี้เราจะสามารถปรับได้เฉพาะสีผิวเท่านั้น ทำให้รูปร่างหน้าตาของตัวละครทั้งหมดออกมาเป็นพิมพ์เดียวกันทุกตัวละคร ซึ่งหากใครชอบความแตกต่างของหน้าตาอาจจะรู้สึกแปลกๆ อยู่บ้าง
• Interface บังจอ
ไอค่อนต่างๆ บนหน้าจอ รวมถึงประกาศที่ขึ้นเตือนตลอดเวลา บางครั้งบางโอกาสก็จะทำให้เรารำคาญได้เหมือนกัน โดยเฉพาะประกาศเตือนระหว่างเล่นจะขึ้นที่หน้าจอตรงกลางข้างบน ซึ่งมีขนาดค่อนข้างใหญ่ ทำให้บางครั้งที่เราจะต้องมองไปที่เนินสูงจะบังจอในบางครั้งครับ
จบแล้วครับสำหรับการเปรียบเทียบจุดเด่น – จุดด้อย ของเกม Freefire ผู้อ่านบางท่านอาจมีความคิดเห็นที่แตกต่าง หรือมีความเห็นเสริมเพิ่มเติมสามารถเพิ่มเติมได้ที่คอมเม้นครับ สำหรับวันนี้ขอบคุณ และสวัสดีครับ
Higashi