[Review] Shin Megami Tensei V: Vengeance

907 views
Share

วางจำหน่ายให้ได้เล่นกันแล้วสำหรับ Shin Megami Tensei V: Vengeance เกม RPG จากค่าย Atlus ที่คราวนี้กลับมาพร้อมกับการปรับปรุงในหลายๆ ส่วน แถมยังมีการเพิ่มเนื้อหาใหม่เข้าไปอีกด้วย ซึ่งตัวเกมในเวอร์ชั่นนี้ลงให้เล่นกันทั้งบน Nintendo Switch, PlayStation 5, PlayStation 4, Steam, Xbox Series X/S, Xbox One, และ Windows ทางเรามีโอกาสได้เล่นเกมนี้ไปเรียบร้อยแล้วก็เลยจะมารีวิวรายละเอียดของเกมกับความรู้สึกหลังจากที่เล่นมาให้อ่านกันครับ

Shin Megami Tensei V จริงๆ แล้วเคยลงให้เล่นกันมาก่อนบน Nintendo Switch เมื่อปี 2021 โดยการกลับมาของ Shin Megami Tensei V: Vengeance ถือว่าเป็นตัวเกมเวอร์ชั่นสมบูณ์ ที่มีการปรับปรุงรายละเอียดมากมายกับเพิ่มเนื้อหาพิเศษใหม่ที่เป็นทางแยก ให้ผู้เล่นได้พบกับอีกหนึ่งฉากจบของเกมและที่สำคัญมีขยายลงให้เล่นในหลายแพลตฟอร์มมากขึ้นด้วย

Shin Megami Tensei V: Vengeance เป็นเกมแนว JRPG ที่เล่าเรื่องราวของเด็กหนุ่มนักเรียนมัธยมปลายแห่งโรงเรียน Jouin High School ที่หลังจากโรงเรียนเลิกและกำลังเดินทางกลับบ้านในตอนเย็นนั้น ก็พบกับอุโมงค์ปริศนาที่ปรากฏขึ้นกลางเมือง โดยตัวเขาและเพื่อนก็ถูกดูดเข้าไปในมิติแปลกประหลาดที่เป็นดินแดนทะเลทรายและยังเต็มไปด้วยมอนสเตอร์ ตัวเอกได้พบกับเทพอสูรที่ชื่อว่า Aogami ที่ต้องการจะช่วยเหลือและรวมร่างกันจนกลายเป็น Nahobino หรือคือนักรบสุดแกร่งที่มีพลังพิเศษนั่นเอง เป้าหมายของเราก็คือการตามหาพวกพ้อง ไขปริศนาต่างๆ และการหาทางกลับสู่โลกเดิม ไปพร้อมๆ กับการอยู่ท่ามกลางสงครามระหว่างเทวาและซาตาน

สำหรับเนื้อเรื่องดังกล่าวนั้นผู้เล่นสามารถที่จะเลือกเรื่องราวตามต้นฉบับเดิมที่ชื่อว่า “Canon of Creation” หรือจะเล่นเนื้อเรื่องใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้ามาในภาคนี้คือ “Canon of Vengeance” ที่จะพาเราไปพบกับเรื่องราวใหม่ๆ และฉากจบใหม่อีกแบบได้ โดยการเลือกเส้นทางนี้ตัวเกมจะให้ผู้เล่นได้เลือกตั้งแต่คัทซีนช่วงเริ่มเกมเลย โดยหากเลือก Take her hand จะเป็นการเข้าสู่ Canon of Vengeance ที่เป็นเนื้อเรื่องใหม่ แต่ถ้าหากเลือก Don’t take her hand จะเป็นการเข้าสู่ Canon of Creation ที่เป็นเรื่องราวเดิมตามต้นฉบับ ส่วนถ้าใครเลือกเรื่องราวใหม่ก็ไม่ต้องแปลกใจเพราะช่วงต้นเกมจะยังเหมือนกับต้นฉบับอยู่ แต่พอเล่นไปซักพักใหญ่ๆ แล้วจะไปพบกับเส้นเรื่องใหม่ในภายหลังนั่นเอง บอกเลยถ้าใครยังไม่เคยเล่นมาก่อนแล้วอยากเก็บเรื่องราวให้สมบูรณ์ก็ต้องเล่น 2 รอบ ยิ่งเก็บครบๆ รับรองปาไป 200 ชั่วโมงแน่นอน… แต่เส้นของเนื้อเรื่องใหม่ดูเข้าใจง่ายและน่าติดตามใช้ได้เลยครับ

ในส่วนของระบบเกมเพลย์นั้น Shin Megami Tensei V: Vengeance เป็นเกมแนว JRPG แบบ Turn-based ตามสไตล์ของ RPG ญี่ปุ่นสุดคลาสสิกที่เกมเมอร์คุ้นเคยกันดี คือการผลัดกันออกคำสั่งเป็นเทิร์นๆ ไปสลับกันโจมตีระหว่างฝ่ายเรากับฝ่ายศัตรู ซึ่งก็มีระบบการแพ้ทางในเรื่องของจุดอ่อนกับธาตุต่างๆ ด้วย เพราะฉะนั้นการวางแผนในการเลือกใช้สกิลก็จะทำให้สร้างความได้เปรียบในการต่อสู้ และในระหว่างการต่อสู้หากเราโจมตีไปเรื่อยๆ จะเห็นว่าที่มุมขวาบนมีตัวอักษรสีแดงที่เรียกว่า Magatsuhi อยู่ หากเราเก็บเกจจนเต็มจะสามารถใช้สกิลพิเศษที่เป็นบัฟให้กับทีมได้ เอาจริงๆ การต่อสู้จะคล้ายๆ กับเกม Persona จึงทำให้เข้าใจระบบได้ไม่ยาก

เกมนี้ยังมีระบบที่น่าสนใจก็คือการชวนเหล่ามอนสเตอร์ที่เราพบเจอในแผนที่เพื่อมาร่วมเข้าทีมกับเราได้ ผ่านการใช้เมนูพูดคุยเจรจา โดยผู้เล่นจะต้องตอบคำถามให้มอนสเตอร์เหล่านั้นพอใจ หรือเป็นการให้ของตามที่พวกมันร้องขอ หากสำเร็จมอนสเตอร์ก็จะมาอยู่ร่วมกับทีมเรา ใช้พาไปร่วมต่อสู้และใช้งานสกิลของพวกมันได้ ซึ่งมอนสเตอร์ในเกมนี้มีเยอะมากอยู่ที่ว่าใครจะชอบสะสมหรือตามหาตัวเก่งๆ มาเข้าทีม ยิ่งไปกว่านั้นยังมีระบบ Demon Fusion เอามอนสเตอร์มาผสมกันได้เพื่อสร้างตัวใหม่ที่เก่งขึ้นและมีสกิลที่หลากหลายขึ้นได้อีกต่างหาก

การเล่นของเกมนี้จะเป็นการทำภารกิจไปตามเนื้อเรื่อง และพวกภารกิจเสริมต่างๆ โดยแผนที่แม้จะดูกว้างแต่ก็ไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนัก เราจะมี NPC ที่คอยช่วยตามหาไอเทมที่ซุกซ่อนอยู่ได้เมื่อเข้าไปใกล้ๆ และยังมีจุดสำหรับวาร์ปไปยังพื้นที่ต่างๆ เพื่อเพิ่มความสะดวกในการเดินทาง ทั้งนี้ในแผนที่จะมีพวกมอนสเตอร์เดินไปมาอยู่ซึ่งเราเลือกที่จะวิ่งเข้าไปสู้หรือเดินหลีกหนีได้เช่นกัน บางจุดก็มีปริศนากับไอเทมให้เก็บ ตัวเกมยังมีระบบใหม่อย่าง Sky View ให้เราได้ส่องดูภาพรวมของแผนที่จากมุมสูงด้านบนเพื่อช่วยให้ง่ายต่อการสำรวจขึ้นด้วย

สรุปภาพรวมของ Shin Megami Tensei V: Vengeance เรียกว่าเป็นภาคสมบูรณ์ที่ปรับปรุงของเดิมกับเพิ่มสิ่งใหม่ๆ เข้าไปให้น่าเล่นขึ้นและเป็นมิตรกับผู้เล่นหน้าใหม่ๆ แม้กราฟิกจะมีการปรับปรุงให้ดูดีขึ้นแต่ก็ถือว่ายังอยู่ในระดับธรรมดาๆ เพราะเกมต้นฉบับก็ออกมานานแล้ว แต่พอมาลงบนแพลตฟอร์มสมัยใหม่ก็ทำให้เล่นแบบไหลลื่นขึ้น มีแฟรมเรตที่ดีขึ้น ส่วนตัวรู้สึกว่าระบบใหม่ๆ ที่ใส่เข้ามาก็ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้เล่นได้เยอะ สำหรับเกมเพลย์เองก็มีความสนุกในการวางแผนในการต่อสู้กับพวกเสาะหามอนสเตอร์ ผสม หรือการเรียนรู้สกิลต่างๆ ที่หลากหลาย ใครที่เคยเล่นภาคต้นฉบับมาก่อนก็แนะนำให้มาเล่นอีกเนื้อเรื่องเพื่อความสมบูรณ์ ส่วนใครที่ยังไม่เคยเล่นก็ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะได้สัมผัสเกม JRPG สนุกๆ ครับ

Share

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Warhammer 40,000: Space Marine 2 พร้อมวางจำหน่ายบน PS5 วันที่ 9 กันยายน 2024 นี้
Ghostrunner 2 โหมดใหม่สุดซิ่ง Endless Moto พร้อมให้ลุยแล้ว
Dragon Ball: Sparking! ZERO ปล่อยตัวอย่างของจอมมารบลู
Silent Hill 2 remake ปล่อยตัวอย่างแรก 90 นาที
Sony จัดป๊อปอัพอีเวนต์ฉลองการเปิดตัว ASTRO BOT พร้อมจัดกิจกรรมและของแจกฟรี 6 – 8 กันยายนนี้ ณ ห้างเซ็นทรัลลาดพร้าว
Street Fighter 6 ยอดขายทะลุ 4 ล้านเรียบร้อยแล้ว