[Review] Atlas Fallen ตะลุยโลกทะเลทราย Action RPG แบบสุดเดือด

1,723 views
Share

หากใครที่เคยได้เห็นการเปิดตัวหรือตัวอย่างของเกม Atlas Fallen มาก่อนคงจะต้องมีความสนใจและอยากได้จะได้ลองเล่นเกมนี้กันอย่างแน่นอน โดยเฉพาะคนที่กำลังมองหาเกมแนว Action RPG แบบลุยๆ และมีความรู้สึกเหมือนกับแนว Soul-Like มาเล่นในช่วงนี้ ล่าสุดตัวเกมก็วางจำหน่ายให้ได้มันส์กันเรียบร้อยแล้ว วันนี้เราก็เลยจะมารีวิวและพูดคุยถึงความรู้สึก หลังจากที่ได้ลองเล่นเกมนี้มาให้อ่านกัน

ต้องบอกก่อนว่า Atlas Fallen นั้นจัดจำหน่ายโดย Focus Entertainment และพัฒนาโดย Deck 13 Interactive ซึ่งหลายคนอาจจะไม่รู้จัก แต่เมื่อพูดถึงผลงานอย่าง Lord of the Fallen รวมถึงเกมม้ามืดสุดมันส์อย่าง The Surge ทั้ง 2 ภาคแล้วล่ะก็ คงจะรู้จักในฝีมือกันเป็นอย่างดี ซึ่งการพัฒนา Atlas Fallen น่าจะเป็นสิ่งหนึ่งที่ทางทีมงานมีการคิดแนวทางใหม่ๆ และนำส่วนต่างๆ ของเกมในค่ายมาต่อยอดให้ดูน่าสนใจขึ้น

งานภาพกราฟิกของ Atlas Fallen ทางทีมพัฒนาเลือกที่จะใช้ Fledge ซึ่งเป็นเอนจิ้นที่พัฒนาขึ้นมาเองทำให้อยู่ในระดับที่พอใช้ แต่ตัวผู้เขียนเองรู้สึกแปลกใจกับในบางฉากที่ดูออกมาแข็งๆ และเหมือนภาพของเกมในยุคเก่า แต่ทั้งนี้เองในบางฉากก็ทำออกมาได้สวยงามและดูดีจนรู้สึกเหมือนทีมงานแยกกันทำ เช่น พวกโมเดลตัวละคร NPC ฉากอาคารบ้านเรือน ต้นไม้ใบหญ้า เป็นต้น แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือฉาก Open World ที่มีขนาดใหญ่มาก โดยเฉพาะสภาพแวดล้อมที่เป็นผืนทรายอันเป็นจุดเด่นของเกมนี้ก็ทำออกมาได้อย่างดีเลยทีเดียว ส่วนพวกฉาก Effect แสงสีสกิลต่างๆ ก็อยู่ในระดับที่ดี ในด้านเสียงแม้จะมีเพลงที่ดูเป็นแฟนตาซีอยู่บ้างแต่ก็ไม่ค่อยน่าสนใจเท่าที่ควร

สำหรับเรื่องราวในเกมเล่าถึงโลกที่เรียกว่า Atlas ซึ่งมี Thelos เป็นเทพที่ปกครองอยู่ โดยมนุษย์บางส่วนจะถูกเรียกว่า Unnamed ซึ่งเป็นเหมือนทาสที่คอยทำหน้าที่ขุดหาแร่ Essence ให้กับราชินีซึ่งเป็นตัวแทนของ Thelos ที่มาคอยกดขี่มนุษย์ ส่วนตัวเราเองจะได้สวมบทเป็นหนึ่งใน Unnamed ที่ได้เจอกับถุงมือที่มีวิญญาณของเทพผู้ถูกเนรเทศอย่าง Nyaal สิงอยู่ โดยถุงมือนั้นจะให้พลังกับเราในการต่อสู้และต้องจับมือกับ Nyaal ร่วมเดินทางเพื่อเสาะหาชิ้นส่วนของถุงมือที่กระจัดกระจายไปทั่วดินแดน และรวมถึงหาทางเอาชนะระบบการปกครองที่กดขี่อยู่นี้ บอกตามตรงว่าเริ่มเกมที่ตัวเกมนำเสนอเนื้อเรื่องด้วยคัทซีนที่งานภาพดูไม่ดึงดูดเอาซะเลยแถมสลับกับคัทซีนแบบภาพวาดอีก เลยยิ่งดูธรรมดาเข้าไปใหญ่

เกมเพลย์ถือเป็นความน่าสนใจที่สุดของเกมนี้ ที่เริ่มให้ผู้เล่นไต่ระดับจากเกมอะไรครับเนี่ย..ไปสู่เกมที่เอ้าก็สนุกดีนี่นา!! โดยรูปแบบการเล่นของเกมอย่างที่บอกคือเป็น Action RPG Open World มุมมองบุคคลที่ 3 และถึงแม้แผ่นที่จะมีขนาดใหญ่แต่ตัวเอกของเราก็มีความสามารถที่จะสไลด์ไปบนทรายด้วยการควบคุมทรายจากพลังแห่งถุงมือได้ กระโดดสองชั้นหรือแม้แต่แดชพุ่งในอากาศได้ รวมถึงจะมีภารกิจเนื้อเรื่องให้ได้ทำ ไปจนถึงภารกิจเสริมและการค้นหาหีบสมบัติกับการทำลาย Watchtower เพื่อเปิดพื้นที่ หรือการไปตามเส้นทางที่เสาชี้ภายในเวลาที่กำหนด เป็นต้น

ภายในแผนที่เราก็จะได้เจอกับศัตรูที่เดินไปหาให้ได้เห็นและสามารถเข้าไปร่วมต่อสู้ได้เลย แต่ในจังหวะการต่อสู้นั้นพื้นที่จะถูกบีบให้แคบลงมาอยู่ในวงที่จำกัด เหมือนๆ กับเกม Devil May Cry ซึ่งในด้านการต่อสู้เองก็มีการโจมตี ใช้สกิล ต่อคอมโบต่างๆ ทั้งบนพื้นและกลางอากาศได้ค่อนข้างมันส์มืออยู่ ติดปัญหานิดเดียวตรงเรื่องมุมกล้องในบางจังหวะ แถมไปๆ มาๆ มันให้อารมณ์ไปทางเกม God of war ผสม The Surge มากกว่า Soul-Like ที่เข้าใจมาตั้งแต่แรก อาวุธที่เราใช้ได้จะติดตั้งได้แค่ 2 ชนิดเท่านั้นจากทั้งหมด 3 แบบคือ ค้อน แส้ และหมัด และมีระบบ Perk ที่จะมอบความสามารถแบบติดตัวให้เลยภาวรไม่ต้องกดใช้ ส่วนระบบชุดเกราะนั้นไม่มีอะไรซับซ้อนเพราะเราทำได้แค่อัพเกรดระดับเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

ส่วนอีกอย่างที่ตอนแรกจะงงๆ หน่อยก็คือการติดตั้งสกิลจาก Essence Stones และระบบ Momentum โดยระบบนี้เมื่อเราโจมตีศัตรูไปเรื่อยๆ มันจะมีเกจสีฟ้าที่อยู่ใต้หลอดเลือดซึ่งจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไปด้วยและมันจะทำงานสัมพันธ์กับสกิลที่เราได้ติดตั้งเอาไว้ ทั้งการเพิ่มพลังโจมตี หรือการใช้ความสามารถพิเศษ และท่าทางในการโจมตีที่เปลี่ยนไป คิดง่ายๆ ยิ่งทำคอมโบเยอะเกจขึ้นสูงๆ ก็จะยิ่งใช้งานสกิลในระดับที่สูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งสกิลที่ติดตั้งไปนั้นจะแบ่งออกเป็น Tier 1, 2 และ 3 นอกจากนี้เรายังสามารถกลิ้งหลบหรือใช้การกดปุ่มเพื่อ Pary ได้อีกด้วย งานนี้ยิ่งเจอศัตรูมากันทีละเยอะๆ บอกเลยว่ามันส์มือและวุ่นวายสุดยอด

สรุปภาพรวม Atlas Fallen เป็นเกม Action RPG ที่เล่นได้เพลินๆ และมีระบบการต่อสู้ที่ค่อนข้างออกแบบมาได้ดีและเป็นเอกลักษณ์ ส่วนตัวรู้สึกว่าเข้าถึงง่ายกว่า The Surge และที่สำคัญคือเกมนี้มีระบบ Co-op ให้เล่นกันด้วย แม้งานด้านภาพกับการเล่าเรื่องจะดูขัดๆ ไปบ้างแต่ก็ถือว่าเป็นเกมที่เล่นได้สนุกเกมนึงเลยครับ ใครที่สนใจก็สามารถไปหาซื้อมาเล่นกันได้แล้วตอนนี้

Share

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Warhammer 40,000: Space Marine 2 พร้อมวางจำหน่ายบน PS5 วันที่ 9 กันยายน 2024 นี้
Ghostrunner 2 โหมดใหม่สุดซิ่ง Endless Moto พร้อมให้ลุยแล้ว
Dragon Ball: Sparking! ZERO ปล่อยตัวอย่างของจอมมารบลู
Silent Hill 2 remake ปล่อยตัวอย่างแรก 90 นาที
Sony จัดป๊อปอัพอีเวนต์ฉลองการเปิดตัว ASTRO BOT พร้อมจัดกิจกรรมและของแจกฟรี 6 – 8 กันยายนนี้ ณ ห้างเซ็นทรัลลาดพร้าว
Street Fighter 6 ยอดขายทะลุ 4 ล้านเรียบร้อยแล้ว