PUBG Mobile เป็นเกมที่เลือกเล่นได้ว่าจะไปคนเดียว ไปเป็นคู่ หรือไปเป็นทีม 4 คน ซึ่งการเล่นแต่ละแบบก็จะมีเทคนิคและการเตรียมตัวที่ต่างกันออกไป แน่นอนว่าสำหรับผู้เล่นหลายคนที่ชอบบวกชอบลุย ก็มักจะไปคนเดียวหรือไปกับเพื่อนที่มีนิสัยเดียวกัน มาดูกันดีกว่าว่าเทคนิคที่ช่วยให้เอาตัวรอดได้นานขึ้นนั้นมีอะไรบ้าง
เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม
อย่างที่เคยพูดถึงไปในบทความก่อน ก่อนที่เราจะไปลุยในแบบ Solo หรือโหมดไหนๆ อุปกรณ์ของเราต้องพร้อมก่อน โทรศัพท์ชาร์จให้เรียบร้อย โทรเคลียร์กับที่ทำงานและเพื่อนฝูงให้เรียบร้อยว่าเรามีภารกิจต้องทำ อย่าโทรรบกวน(เพราะจะไปโดดร่ม) และถ้าจะให้ดีก็ต้องหาหูฟังมาใช้งานด้วย เพราะการฟังเสียงในเกมเพื่อระบุตำแหน่งของศัตรูนั้นสำคัญมากๆ การได้ยินทุกสิ่ง เห็นทุกอย่างจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่สุด
เลือกจุดลงที่เหมาะกับสไตล์การเล่น
แม้จะเป็นการเล่นคนเดียว แต่ผู้เล่นแต่ละคนก็จะมีการเตรียมตัวที่แตกต่างกันออกไป บางคนชอบลงที่ไกลๆ เพื่อฟาร์มเตรียมพร้อมก่อนลุย หรือบางคนก็ลงไปลุยในที่คนเยอะๆ ไปเลย วัดดวงไปเลย แต่ถ้าจะให้แนะนำจริงๆ ผู้เขียนขอแนะนำให้ลงในพื้นที่ที่มีคนลงอยู่เยอะๆ อย่าง School Pochinki หรือ Geogopol จะดีกว่า วัดดวงกันไปเลยว่าจะรอดหรือไม่รอด เพราะถึงไม่รอด เราก็ได้ฝึกฝนพัฒนาฝีมือในการต่อสู้ให้ดีขึ้นในเกมต่อๆ ไปด้วย
เก็บของก่อน ยิงทีหลัง
เปิดก่อนได้เปรียบ อาจจะเป็นประโยคที่ใช้ได้ผลในเกมอื่น แต่ไม่ใช่ใน PUBG เพราะความแรงของหมัดนั้นเบาหวิวเหมือนปุยนุ่น กว่าจะต่อยใครตายสักคนก็คงต้องรอจนแก่(แถมกว่าจะหมุนกล้องต่อยใครได้ก็นานไปอีก) ดังนั้นหลังจากโดดร่มลงมาแล้ว ให้รีบไปหาอาวุธมาติดมือไว้ก่อนจะดีกว่า จะปืนพกหรืออะไรก็หยิบๆ มาใช้ก่อน แล้วยิงศัตรูที่เข้ามาต่อยเราแทน ยังไงเสียมีปืนก็ดีกว่าไม่มี วิธีนี้จะเห็นผลมากถ้าหากเราลงในพื้นที่ยอดนิยมต่างๆ ถ้าเราเตรียมตัวพร้อม ส่วนที่เหลือที่ควรพะวงก็คือการโดนตลบหลังหรือฝีมือสู้คนที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้มากกว่า ดังนั้นอย่ามัวแต่เสียเวลาไปต่อยคนอื่นหลังจากโดดร่มลงมา ไปหาของก่อนเรื่องที่เหลือค่อยว่ากัน แต่ถ้าไม่เจออะไรเลย การใช้มือเปล่าต่อยศัตรูในเกมนี้หมายถึงการยอมแพ้ไปแล้วนั่นเอง
ฟังเสียงรอบตัว ดู Minimap ให้ดี
อย่างที่หลายทราบกันดีว่า Minimap ของเกมเวอร์ชั่นนี้นั้นพิเศษกว่าบนเวอร์ชั่น PC ตรงที่จะมีวงบอกว่ามีเสียงปืนหรือระเบิดเกิดขึ้นในรัศมีรอบๆ ตรงไหนบ้าง แต่บางครั้งก็ไม่เพียงพอต่อการรวบรวมข้อมูล เพราะอย่างนี้การมีหูฟังในการเล่นจึงเป็นสิ่งจำเป็นมาก นอกจากจะฟังเสียงได้ชัดขึ้นแล้ว เรายังสามารถจำแนกตำแหน่งเสียงได้ดีขึ้นด้วย เป็นอีกหนึ่งข้อมูลที่เราสามารถใช้ประกอบการตัดสินใจได้ว่า จะสู้หรือจะหนี
ไม่จำเป็นต้องสู้ตลอด แต่ก็หนีไปตลอดไม่ได้เช่นกัน
จริงอยู่ที่ PUBG Mobile เป็นเกมที่มีการยิงต่อสู้กัน แต่ก็ไม่ได้ยิงสู้กันตลอดเวลา และจุดประสงค์ของเกมนี้ก็คือทำอย่างไรก็ได้ให้เราอยู่รอดเป็นคนสุดท้ายของเกม ดังนั้นการเอาตัวรอดจึงเป็นเป้าหมายแรกของเรา ตรงไหนที่เราหนีได้ก็ควรหนี ถ้าต้องสู้ก็ต้องสู้ เพราะในโหมดนี้ ถ้าเราโดนยิงจนล้มก็หมายถึงตายเลยในทันที การตัดสินใจที่มีผลต่อชีวิตจึงต้องคิดให้เยอะมากๆ เข้าไว้ ถ้าเห็นว่าศัตรูเก่ง เราก็อาจจะหลบหนีไปก่อน แต่ถ้าคิดว่าสู้ไหวและอยู่ในพื้นที่ได้เปรียบ ก็ลุยได้เลยอย่าไปกลัว
อย่าเก็บทุกอย่างที่เจอ เก็บของแต่พอดี
เนื่องจากการลุยในโหมด Solo จะมีเราแค่คนเดียวในการลงลุย การเก็บของและอาวุธที่เลือกใช้ได้จึงมีจำกัด ต่อให้เราเจอกระเป๋า Lv.3 ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะสามารถเก็บทุกอย่างไว้กับตัวได้ สิ่งเราควรเคลียร์ควรเช็คกับตัวว่ามีจำนวนมากเกินไปนั้นมีดังนี้
- กระสุน ถ้าเป็นปืน AR หรือ SMG ไม่ควรเก็บไว้เกิน 200 นัด Sniper ไม่เกิน 60 นัด และควรทึ้งกระสุนปืนพกทันทีเมื่อเจอปืนหลักครบสองกระบอกแล้ว
- Bandage ไม่ควรเกิน 15 ชิ้น
- First Aid Kit 3ชิ้น หรือ Medical Kit 1หรือ 2 ชิ้น
- ไม่ควรเก็บชุดแต่งปืนไว้ในกระเป๋า โดยเฉพาะของปืนประเภทที่เราไม่ได้ใช้ แต่ถ้าคิดว่าจะใช้ปืนประเภทนั้นอยู่แล้ว จะเก็บไว้ก่อนก็ได้(โดยเฉพาะของหายากอย่าง Suppressor หรือ Quickdraw Ext. Mag)
ซึ่งการจัดการของที่อยู่กับตัวนั้นถือเป็นหัวใจสำคัญในการเล่นแบบ Solo เลยทีเดียว ดังนั้นอย่าโลภมากและเก็บทุกอย่างไว้กับตัว เอาเท่าที่คิดว่าพอใช้ตามจำนวนที่ได้บอกไป แต่ก็ขึ้นอยู่กับปืนที่ใช้ด้วยเช่นกันครับ
ติดตามข่าวสาร PUBG MOBILE ทางแฟนเพจอย่างเป็นทางการได้ที่ https://www.facebook.com/PUBGMOBILE/
สามารถดาวน์โหลดเกม PUBG Mobile ได้ที่
iOS: https://itunes.apple.com/us/app/pubg-mobile/id1330123889?mt=8
Android: https://play.google.com/store/apps/details?id=com.tencent.ig