ข่าวคราวเกี่ยวกับสโมสรฟุตบอลที่โดดเข้าร่วมอีสปอร์ตมีให้เห็นกันเยอะพอสมควร ซึ่งลีกที่ได้ขึ้นชื่อว่าเข้ามาลุยตลาดอีสปอร์ตมากที่สุดนั่นคือบุนเดสลิกา จากประเทศเยอรมัน ไม่ว่าจะเป็น ชาลเก้ 04, ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น, โวล์ฟสบวร์ก, ฮัมบูร์ก หรือแม้แต่กระทั่งทีมที่ต้องตกชั้นอย่างโคโลญจน์ก็ยังให้ความสำคัญและร่วมทำทีมอีสปอร์ต
แต่การรอคอยที่หลายคนเชื่อว่าน่าจะปลุกกระแสวงการอีสปอร์ตขึ้นมาได้มากที่สุดคือการเข้ามาเดินสายอีสปอร์ตจากสโมสรอันดับ 1 ของเยอรมัน นั่นคือ บาเยิร์น มิวนิค ซึ่งเคยมีข่าวก่อนหน้านี้ที่ว่าทาง บาเยิร์น มิวนิค เองก็มีแผนที่จะเข้าร่วมทำทีมอีสปอร์ต โดยเล็งไว้ 3 เกมคือ League of Legends, DOTA2 และ Fortnite
แต่ล่าสุดทาง Bild สื่อยักษ์ใหญ่ของเยอรมันได้มีการรายงานว่า ทาง อูลี่ เออร์เนส ประธานสโมสร บาเยิร์น มิวนิค ได้มีการสั่งล้มเลิกแผนดังกล่าวด้วยเหตุผลเพียงแค่ว่า “มันไม่เหมาะกับเรา”
ซึ่งมองถึงสาเหตุหลักคงเป็นเพราะการทำทีมอีสปอร์ต จะต้องใช้เงินในการสร้างทีม จ้างนักกีฬา หรืออื่นๆ รวมกันแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ล้านยูโร มันอาจจะไม่ใช่เม็ดเงินที่สโมสรต้องคิดหนัก กับสโมสรที่ติด TOP 5 ที่รวยที่สุดในโลก แต่ อูลี่ เออร์เนส เองก็มองว่ามันเป็นจำนวนเงินที่เยอะเกินไป ซึ่งบาเยิร์น มิวนิคเองก็ขึ้นชื่อเรื่องของการใช้เงินอย่างคุ้มค่า สังเกตุจากการซื้อนักเตะเข้าสโมสร แทบจะไม่มีใครเกิน 50 ล้านยูโรเลยด้วยซ้ำ
และอีกหนึ่งเหตุผลที่พับแผนเก็บไว้ นั่นคงเป็นเพราะในประเทศเยอรมันเอง ก็ยังไม่ได้ให้การยอมรับอีสปอร์ต ถึงแม้ว่หลายฝ่ายจะออกมาช่วยกันผลักดันให้อีสปอร์ตคือกีฬา แต่ก็มีไม่น้อยที่ยังไม่เห็นด้วย ซึ่งนั่นก็อาจจะเป็นส่วนประกอบที่ว่าทำไม อูลี่ เออร์เนส ถึงสั่งระงับแผนนี้ แม้แต่ประธานฟุตบอลของ เดเอฟเบ เองก็ต่อต้านอีสปอร์ตด้วยเช่นกัน
นับว่าน่าเสียดาย หากบาเยิร์น มิวนิค โดดเข้าร่วมอีสปอร์ต แรงกระเพื่อมคงจะเพิ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น และอาจจะส่งผลไปถึงการยอมรับอีสปอร์ต แต่แนวคิดของสโมสรคือการลงทุน และอีกอย่าง หากแฟนบอลไม่เห็นด้วยการขยับแะไรคงยาก เพราะสโมสรในบุนเดสลิกาจะใช้กฏ 50+1 คือแฟนบอลของสโมสรจะมีส่วนในสโมสรครึ่งหนึ่ง เพราะฉนั้นเงินทุกบาททุกสตางค์ต้องใช้ให้คุ้มค่า และได้การยอมรับไปพร้อมๆ กันด้วย